ตลาดหุ้นต่างประเทศ มีโปรดักต์ทางด้านการลงทุนมากมายให้เลือกลงทุนนอกเหนือจากตราสารทุน (Equity) หรือหุ้นรายตัว ซึ่งหลายโปรดักต์ไม่สามารถที่จะหาได้ในตลาดหุ้นไทย โดยมีทั้งความหลากหลายของสินทรัพย์และรูปแบบวิธีการลงทุนให้เลือกลงทุนได้
Fractional Stock หรือซื้อหุ้นตามจำนวนเงินลงทุน
เราอาจจะคุ้นเคยกับการซื้อหุ้นโดยมีขั้นต่ำตั้งแต่ 100 หุ้นขึ้นไป แต่ในตลาดหุ้นต่างประเทศ เราสามารถเริ่มต้นซื้อหุ้นได้ขั้นต่ำตั้งแต่ 1 หุ้นขึ้นไป ทำให้สามารถซื้อหุ้นที่มีราคาในกระดานค่อนข้างสูงได้
นอกจากนี้เราสามารถที่จะซื้อหุ้นตามจำนวนเงินแทนที่จะใช้จำนวนหุ้นได้อีกด้วยซึ่งเราจะเรียกว่า Fractional Stock หรือเศษหุ้น เช่น หุ้น A ราคา 100 ดอลลาร์ ต่อหุ้นถ้าใช้วืธีซื้อหุ้นตามจำนวนหุ้นก็จะต้องจ่ายเงิน 100 ดอลลาร์ แล้วได้หุ้น A มา 1 หุ้น แต่ถ้าเลือซื้อตามจำนวนเงิน ถ้าซื้อหุ้นด้วยเงิน 10 ดอลลาร์ก็จะได้หุ้น A มา 0.10 หุ้น
วิธีการนี้จะช่วยให้เราสามารถลงทุนหุ้นได้ทุกตัวในตลาดโดยไม่ติดข้อจำกัดในเรื่องของราคาหุ้นที่สูงอีกต่อไปและยังได้รับสิทธิต่างๆเช่นปันผลตามปกติ
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : 6 ข้อสงสัยสำคัญกับการลงทุนต่างประเทศ
ETF
คือกองทุนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถซื้อขายได้เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่งในกระดานเพื่อให้มีสภาพคล่องซื้อขายที่สะดวกกว่าการเปิดบัญชีลงทุนกองทุนรวมแต่ยังมีผู้จัดการกองทุนช่วยจัดการโดยจะอ้างอิงกับสินทรัพย์ต่างๆอย่างดัชนีตลาดหุ้นดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าโภคภัณฑ์ฯลฯโดยสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการได้
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เปิดโอกาสลงทุนทั่วโลกด้วยกองทุน ETF
REITs
คือกองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าโรงแรมศูนย์การประชุมโครงสร้างพื้นฐานหรือโปรเจกต์ต่างๆที่สามารถสร้างรายได้ที่เป็นกระแสเงินสดรายเดือนอย่างต่อเนื่องโดยหากเราต้องการจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพแต่ต้องการสภาพคล่องในการซื้อขายสูง REITs ถือเป็นทางเลือกที่ลงตัวเนื่องจากสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง
ผลตอบแทนที่ได้รับจาก REITs มีตั้งแต่ Capital Gain จากราคาในกระดานที่เพิ่มขึ้นตลอดจนเงินปันผลที่ได้รับจากโปรเจกต์เหมือนกับหุ้นที่จ่ายปันผล จุดเด่นของโปรดักต์นี้คือราคาจะไม่ค่อยผันผวนมากนักและยังมีอัตราการจ่ายปันผลในระดับสูงเพราะนักลงทุนที่ลงทุนใน RETs มักต้องการ Yield ที่สูงและถือลงทุนระยะยาวมากกว่าเก็งกำไรระยะสั้น
Leverage And Inverse Product
ฟังชื่อเรียกแล้วอาจจะดูเข้าใจยากแต่จริงแล้วโปรดักต์นี้ก็คือ DW หรือ Derivative Warrant ที่เราซื้อขายกันในตลาดหุ้นไทยนั่นเอง โดยเป็นตราสารที่ผู้ออกจะหาสินทรัพย์อ้างอิงอย่างเช่นดัชนีตลาดหุ้น หุ้นรายตัว สินค้าโภคภัณฑ์ ฯลฯ จากนั้นก็นำมาเสนอขายในรูปแบบ Leverage And Inverse Product ที่สามารถซื้อขายได้ในกระดานเช่นเดียวกับหุ้น
ทั้งนี้โปรดักต์ดังกล่าวจะใส่ Leverage เข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนในระดับ 3-5 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถทำกำไรในทิศทางขาลงได้โดยซื้อสัญญาในรูปแบบ PUT เช่นเดียวกับ Options โดยจะมีเรื่องของ Time Decay มาเกี่ยวข้องเช่นเดียวกับ DW
อย่งไรก็ตามเราสามารถเทรดตราสารประเภทนี้แบบที่ไม่มีเรื่องของ Time Decay ได้ผ่านโปรดักต์ที่เรียกว่า DLCs หรือ Daily Leverage Certificate ซึ่งซื้อขายได้ที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์หรือ SGX ซึ่งมีทั้ง Leverage และทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งมีตั้งแต่ดัชนีตลาดหุ้นและหุ้นรายตัวให้เลือกลงทุน
โปรดักต์อื่นๆ
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังมีโปรดักต์ให้เลือกลงทุนอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Structure Warrant หรือวอแรนท์ที่ออกโดยบริษัทมหาชน พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ รวมไปถึงพวก Private Equity และ Business Trust เรียกได้ว่าสามารถเลือกโปรดักต์ได้ตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ยอมรับได้ อีกทั้งยังมีสภาพคล่องการซื้อขายในระดับสูงจากนักลงทุนทั่วโลก
สนใจเรียนหลักสูตรออนไลน์ด้านการลงทุนคลิ๊กที่นี้