สินค้าโภคภัณฑ์

“ทองคำ-น้ำมัน-ค่าเงิน” สามสินทรัพย์ยอดฮิตในโลกการลงทุน

โดย Admin .

นอกเหนือจากหุ้นและดัชนีตลาดหุ้นแล้ว สินทรัพย์การลงทุนในระดับโลกที่ได้รับความสนใจจากนักเทรดทั่วโลกก็คือ สินค้าโภคภัณฑ์ อย่างเช่นทองคำ น้ำมันดิบรวมถึงค่าเงิน ซึ่งสินทรัพย์ทั้งสามนี้มีคุณลักษณะและวิธีการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันออกไป

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : โปรดักต์ Futures ยอดฮิตสำหรับนักเทรดทั่วโลก

ทองคำ (Gold) 

ทองคำถือเป็นแร่โลหะที่มีการซื้อขายกันทั่วโลกมานานนับร้อยปีและเคยถูกนำมาใช้เป็นสกุลเงินของโลกมาแล้วปัจจุบันทองคำถูกซื้อขายด้วยวัตถุประสงค์หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำไปใช้งานการเป็นของขวัญส่งมอบให้กันตลอดจนเป็นสินทรัพย์ด้านการลงทุนผู้ที่ซื้อขายทองคำมีตั้งแต่รายย่อยทั่วไปจนถึงระดับธนาคารกลางแต่ละประเทศ

ปัจจุบันทองคำเริ่มเปลี่ยนสถานภาพตัวเองจาก สินค้าโภคภัณฑ์ ประเภทแร่โลหะมาเป็นสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงกับสกุลเงินโดยราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเสมอ

ออมทอง ลงทุนทอง

ทองคำมีการซื้อขายทั้งในรูปแบบของทองคำแท่งหรือตลาด Spot และในรูปแบบของ Futures โดยตลาดซื้อขายทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ Comex ซึ่งตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกาขณะที่ประเทศไทยเองก็ถือเป็นหนึ่งในตลาดทองคำขนาดใหญ่ของโลกเช่นกัน

สำหรับนักลงทุนไทยที่ซื้อขายทองคำด้วยเงินบาทอาจจะมีประเด็นในเรื่องของค่าเงินบาทเนื่องจากราคาทองคำจะอ้างอิงกับตลาดซื้อขายทั่วโลกแต่พอมาปรับราคาในประเทศไทยถ้าหากค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อนค่าก็จะส่งผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนจากการลงทุนไปด้วยถ้าหากลงทุนในตลาดโลกโดยตรงก็จะตัดปัญหาตรงนี้ไปได้

ทองคำถูกนิยามทั้งสินทรัพย์ที่เป็น Safe Haven ในเวลาที่โลกมีปัญหา สินทรัพย์ที่สามารถต้านเงินเฟ้อได้และการเป็นหนึ่งในสิ่งทดแทนสกุลเงิน ทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมจากนักเทรดทั่วโลก

น้ำมันดิบ (Crude Oil)

น้ำมันดิบถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความสำคัญที่สุดเนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกแม้ว่ากระแสของพลังงานทดแทนจะเริ่มเติบโตขึ้นแต่คนทั้งโลกยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก

ทั้งนี้ดัชนีราคาน้ำมันดิบหลักของโลกจะมีอยู่ด้วยกันสองดัชนีคือ

น้ำมันดิบ WTI หรือ West Texas มีแหล่งผลิตมาจากสหรัฐอเมริกา ราคาซื้อขายจึงอ้างอิงกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นหลัก

น้ำมันดิบ Brent หรือน้ำมันดิบจากทะเลเหนือมีแหล่งผลิตมาจากทวีปยุโรป ราคาซื้อขายจะอ้างอิงกับเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก

ราคาน้ำมันโลก

โดยราคาน้ำมันทั้งสองดัชนีจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันแต่น้ำมันดิบ Bremt จะมีราคาในตลาดที่สูงกว่า WTI เล็กน้อย ทั้งนี้การขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตจะต้องใช้เวลาในการขนส่งที่มีระยะเวลาตั้งแต่หลักเดือนเป็นต้นไปทำให้ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบจึงอยู่ในรูปของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ Futures เท่านั้น

การวิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบจะใช้หลักการของดีมานด์และซัพพลายหรือความต้องการกับปริมาณน้ำมันที่มีถ้าหากสภาวะเศรษฐกิจเติบโตแต่มีการผลิตน้ำมันต่อวันที่น้อยกว่าความต้องการก็จะผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้น

แต่ถ้าหากเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ยังคงมีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าความต้องการก็จะทำให้ราคาปรับตัวลงอย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมักจะมีประเด็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอทำให้ราคาน้ำมันมักจะมีความผันผวนในระดับสูง

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ทำความเข้าใจ Options โปรดักต์ที่ทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด

ค่าเงิน (FX)

ค่าเงินหรือ Foriegn Exchange คืออัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงินที่นำมาจับคู่ซื้อขายกันอย่างเช่น USD/EUR หรือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับสกุลเงินยูโร ถ้าหากสกุลใดสกุลหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าอีกสกุลหนึ่งอย่างเช่นแข็งค่าหรืออ่อนค่ากว่าก็จะเกิดส่วนต่างที่จะสามารถทำกำไรได้

ปกติแล้วผู้ที่ทำธุรกรรม FX มักจะเป็นธนาคารหรือผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องมีการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งจำเป็นต้องมีการป้องกันความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน อย่างไรก็ตามนักเทรดหรือนักเก็งกำไรก็สามารถที่จะซื้อขายได้เช่นกัน โดยตลาดซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดคือตลาด CME

คู่ FX ที่มีการซื้อขายส่วนใหญ่จะเป็นสกุลเงินหลักของโลกอย่าง EURO,YEN,POND และ CHF ซึ่งจะถูกนำมาจับคู่กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือ USD เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่มีการใช้งานทั่วโลกมากที่สุด 

ทั้งนี้ FX สามารถซื้อขายได้ทั้งในรูปแบบของ Spot และ Futures แต่แบบ Spot ส่วนให่จะเป็นธุรกรรมของสถาบันการเงินเนื่องจากเป็นการซื้อขายในมูลค่าสูง สำหรับนักเทรดทั่วไปสามารถเทรดแบบ Futures ได้ซึ่งมีทั้งขนาด Mini และ Micro Size ให้เลือก

นอกจากคู่ค่าเงินยังมีดัชนีค่าเงินให้สามารถซื้อขายในรูปแบบ Futures ได้อีก โดย Index ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Dollar Index หรือ DXY ซึ่งจะเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่เทียบเคียงกับ 5 สกุลเงินหลักของโลกอย่างเช่น EURO POND YEN ฯลฯ ซึ่งการที่ DXY ปรับตัวขึ้นก็แสดงว่าค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั่นเอง

ปกติแล้วการเคลื่อนไหวของค่าเงินมักจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยต่อวันและมักจะไม่มีเทรนด์ที่ชัดเจนเนื่องจากธนาคารกลางแต่ละประเทศจะเข้าแทรกแซงค่าเงินของตัวเองไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วหรือผันผวนแต่ช่วงหลังมานี้เรามักได้เห็นค่าเงินของบางชาติโดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจไม่เข้มแข็งมีการอ่อนค่าอย่างรุนแรงอยู่เสมอ

นอกจากทั้งสามสินทรัพย์ยังมี สินค้าโภคภัณฑ์ อื่นๆที่นอกเหนือจากนำมาใช้งานจริงในภาคเศรษฐกิจแล้วยังสามารถซื้อขายเป็นสินทรัพย์การลงทุนได้เช่นกันโดยจะกล่าวถึงในบทต่อไป

สนใจเรียนหลักสูตรออนไลน์ด้านการลงทุนคลิ๊กที่นี้

Related Posts