ราคา Ethereum ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงเพียงแค่สัปดาห์แรกของปี 2021 ก็ปรับตัวบวกขึ้นถึง 60% (ตัวเลขวันที่ 7 มกราคม 2021) และกำลังมีลุ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม 1,428 ดอลลาร์ เมื่อเดือนมกราคม 2018 หรือสามปีมาแล้ว
การพุ่งขึ้นของ Ethereum ในปี 2018 ได้กระแสมาจากการทำ ICO ที่ดูดเม็ดเงินจำนวนมากเข้ามายังตลาดคริปโต ขณะที่ปีนี้พื้นฐานของ Ethereum ได้เปลี่ยนไป เรามาวิเคราะห์แนวโน้ม ราคา Ethereum กันว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนและอะไรคือปัจจัยผลักดัน
ETH2.0 หนุนพื้นฐานทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลายแต่หนทางยังอีกไกล
ไฮไลท์สำคัญของ Ethereum ก็คือการอัพเกรดสู่ ETH2.0 โดยเริ่มออกสตาร์ทเส้นทางตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 ซึ่งหลักๆจะเปลี่ยน Consensus algorithm เป็น Proof of stake นอกจากจะสามารถทำการ Staking เหรียญ ETH ได้แล้วยังเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมต่างๆอีกด้วย
การเป็น POS ทำให้พื้นฐานของ Ethereum ดีขึ้นในฐานะสกุลเงินดิจิทัลที่มีคุณสมบัติ Smart Contract ซึ่งจำเป็นต่อยุค Internet 2.0 ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความต้องการ Ethereum ในการทำ Staking เพื่อรับรายได้แบบ Passive Income มากขึ้น ตลอดจนการวางเหรียญทำ Staking ยังทำให้ซัพพลายในตลาดหายไปบางส่วนด้วยเพราะต้องวางทิ้งไว้เฉยๆ
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : รีวิว Binance เวบเทรดสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลก
ผลเชิงบวกที่เกิดจากการที่ Ethereum เปลี่ยนจาก Proof Of Work หรือการขุดมาเป็น Proof Of Staking ก็คือตั้งแต่เฟสที่ 1.5 เป็นต้นไป Ethereum จะมี Supply rate ที่ลดลง 22% จากเดิมที่ Ethereum เกิดประมาณวันละ 90 ETH กลายเป็น 70 ETH ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าเหรียญในเชิงซัพพลายเช่นเดียวกับที่ Bitcoin มีการทำ Halving
อย่างไรก็ตามระยะเวลาของการอัพเกรดเข้าสู่ ETH2.0 อ้างอิงจากผู้ก่อตั้งอย่าง Vitalik อาจจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นสิบปีถึงจะสมบูรณ์แบบ การที่ราคา Ethereum วิ่งขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมาจึงอาจมองได้ว่าตอบรับข่าวดีที่เร็วเกินไป
อ่านรายละเอียดของ ETH2.0 เพิ่มเติมได้ที่นี้
DeFi คือกุญแจสำคัญ
หาก 2017 คือปีที่กระแส ICO เป็นตัวผลักดัน ราคา Ethereum ปี 2020 เป็นต้นไปแรงขับเคลื่อนสำคัญจะมาจากกระแสของ DeFi หรือ Decentralize Finance ซึ่งล่าสุดมีมูลค่าเหรียญที่ล๊อกไว้ใน Protocol ต่างๆ หรือ TVL รวมอยู่ที่ 22,000 ล้านดอลลาร์ โดยภายในสัปดาห์แรกของปี 2021 ที่ตลาดคริปโตอยู่ในภาวะกระทิงมูลค่า TVL เพิ่มขึ้นขึ้นถึง 7,000 ล้านดอลลาร์
การที่ DeFi Token ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ภายใต้เทคโนโลยี ERC-20 ของ Ethereum หากกระแสของ DeFi ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องก็จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ Ethereum อย่างแน่นอน ทั้งในฝั่งดีมานด์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดความต้องการ Ethereum ในการทำ ICO ในปี 2017
รวมถึงการนำโทเคนมาวางค้ำกันเพื่อสร้าง Stablecoin หรือทำ Yield Farming ใน DeFi Protocol ก็จะช่วยให้ซัพพลายเหรียญในตลาดหายไปบางส่วนอีกด้วย สิ่งที่ต้องจับตาก็คือ DeFi Protocol ต่างๆจะมีพัฒนาการอย่างไรในปี 2021
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำความรู้จัก Decentralize Finance ระบบการเงินแห่งอนาคตที่จะ Disrupt ธนาคาร
วิเคราะห์ทางเทคนิคในภาพใหญ่ของ Ethereum
อีกเพียงแค่ 15%จากระดับ 1,200 ดอลลาร์ Ethereum ก็จะขึ้นแตะจุดสูงสุดเดิมในปี 2018 ได้สำเร็จ โดยหากพุ่งแตะระดับดังกล่าวแล้วสามารถ Breakout ผ่านไปได้แล้วย่อตัวลงมาไม่หลุดจากระดับ 1,428 ดอลลาร์ Ethereum จะมีเป้าหมายต่อไปที่ระดับ 2,267 ซึ่งเป็นแนวต้านตาม Fibonacci 261.8 ซึ่งจะมีอัพไซด์อีก 60% จากระดับ 1,428 ดอลลาร์
แต่หากแตะระดับสูงสุดเดิมแล้วไม่ผ่านแล้วย่อตัวลงมา Ethereum จะมีแนวรับสำคัญที่ 1,137 ดอลลาร์ ซึ่งมีโอกาสที่จะพักฐานเพื่อทำ Price Pattern แบบ Cup And Handle เพื่อที่จะรอ Breakout ผ่านไปในครั้งที่สองก็เป็นได้
อนาคตของ Ethereum จะเป็นอย่างไรต่อไป
การที่ Ethereum วิ่งแรงจนใกล้ที่จะแตะจุดสูงสุดเดิมน่าจะได้รับแรงผลักดันมาจาก Bitcoin เป็นตัวนำตลาดมากกว่ามาจากปัจจัยพื้นฐานของเหรียญเอง เพราะพัฒนาการของ ETH2.0 ยังอีกยาวไกลมาก แม้ว่าจะเริ่มต้นให้สามารถทำ Staking ได้แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายผลตอบแทนในทีเดียว
รวมถึง DeFi Protocol ต่างๆยังไม่เห็นพัฒนาการใหม่หลังจากที่เกิดกระแสของ DeFi อย่าง Yield Farming ที่เคยร้อนแรงในปี 2020 ซึ่งสุดท้ายก็เกิดฟองสบู่แตกย่อมๆ จนตลาดซาไป แรงผลักดันในฝั่งดีมานด์จึงยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
โดบสรุปคือในระยะยาว Ethereum ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีอนาคตสดใสในแง่ปัจจัยพื้นฐานซึ่งยังไม่เห็นเหรียญอื่นๆที่จะก้าวขึ้นมาเทียบเคียงได้แม้จะมีเหรียญที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็น Ethereum Killer เกิดขึ้นมากมาย
แต่ในระยะสั้นราคาที่พุ่งขึ้นมายังไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง แต่มาจากแรงผลักดันของตลาดนำโดย Bitcoin มากกว่า นักลงทุนจึงต้องระมัดระวังการลงทุนให้มาก
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เหตุผลที่นักลงทุนสถาบันสนใจบิทคอยน์มากกว่าทองคำ
เทรดบิทคอยน์อย่างไรในปี 2021 เมื่อราคาทะลุ 1 ล้านบาทไปแล้ว