สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) คือสินทรัพย์การลงทุนที่เกิดขึ้นบนโลกนี้เพียงแค่ 10 กว่าปีเท่านั้น โดยเริ่มจากบิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency ตัวแรกที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี ถัดมาก็มีเหรียญทางเลือก (Altcoin) จำนวนมากออกมาให้ซื้อขาย
หากใครที่ถือบิทคอยน์มาตั้งแต่วันแรกเมื่อกว่าสิบปีที่แล้วถึงตอนนี้จะสามารถทำกำไรได้กว่าหมื่อเปอร์เซ็นต์..ฟังไม่ผิดได้ระดับนี้จริงๆจากการจัดอันดับโดย CNN พบว่าบิทคอยน์สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 90,000 เท่า ภายในสิบปีที่ผ่านมาและสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลักพันหลักหมื่นเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ทำให้นักลงทุนไม่ควรจะมองข้ามสินทรัพย์ประเภทนี้
ลองไปทำความรู้จักและเข้าใจเหตุผลที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการลงทุนในเวลานี้และเราจะเข้าไปลงทุนได้อย่างไร
สินทรัพย์ดิจิทัลแบ่งเป็นสองประเภท
สกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency หรือที่เรียกว่าเหรียญหรือ Coin นั้นคือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง อย่างเช่น บิทคอยน์ อันนี้คือ Coin รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลหลักๆอย่างเช่น Ethereum ,Ripple ,Litecoin, Bitcoin Cash ฯลฯ
กลุ่มพวกนี้จะเรียกว่าเหรียญ ข้อสังเกตุคือไม่ว่าจะเป็น Exchange หรือเวบเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลใดๆก็ตามก็จะมีเหรียญพวกนี้ให้เลือกซื้อขาย เพราะเป็นเหรียญที่นักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่รู้จักนั่นเอง
โทเคนดิจิทัล (Digital Token) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ได้พัฒนาบล็อกเชนเป็นของตัวเองแต่จะไปขอใช้บล็อกเชนของสกุลเงินดิจิทัลอื่นแทน โดยส่วนมากจะไปทำงานบน Ethereum เช่นโปรเจคต์ที่เกิดจากการทำ ICO ต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี ERC-20
ข้อสังเกตุของ Token คืออาจจะไม่ได้ลิสต์อยู่ในทุก Exchange ขึ้นอยู่กับว่า Exchange นั้นๆจะเลือกมาให้นักลงทุนได้ซื้อขายกันหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : Trade From Home เทรดคริปโตสร้างรายได้ง่ายๆที่บ้านรับกระแสโควิด-19
ใช้เงินเริ่มต้นไม่สูงมากเหมาะสำหรับหน้าใหม่
สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถใช้เงินเริ่มต้นไม่มากนักก็สามารถลงทุนซื้อขายเหรียญต่างๆได้ทั้งหมด แม้แต่บิทคอยน์ซึ่งเป็นเหรียญที่มีราคาสูงที่สุด (ปัจจุบัน 1 บิทคอยน์ต้องใช้เงินกว่า 500,000 บาท)
เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถซื้อขายได้ในหน่วยย่อยที่เล็กมากคือขั้นต่ำอยู่ที่ 0.00000001 บิทคอยน์ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดที่ถูกเรียกว่า Satoshis เรียกได้ว่าใช้เงินเริ่มต้นเพียงหลักพันบาทก็สามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้ว
สำหรับคนที่มีเงินทุนเริ่มต้นไม่มากจึงน่าจะต้องลองซื้อขายดูเป็นการฝึกซ้อมฝีมือ หากสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องก็ค่อยเพิ่มวงเงินในการเทรด แต่ถ้าเกิดการขาดทุนก็ยังจำกัดความเสียหายด้วยเงินจำนวนน้อย
เป็นสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต
โอกาสที่สินทรัพย์การลงทุนจะเติบโตและสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ สิ่งๆนั้นจะต้องมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ในอนาคต เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Facebook,Google,Amazon ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ของหุ้นพวกนี้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว
สินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตและผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญคือเริ่มที่จะได้รับการยอมรับจากบุคคลทั่วไปรวมถึงองค์กรขนาดใหญ่และรัฐบาลแต่ละประเทศมากขึ้น โอกาสที่ราคาเหรียญจะปรับตัวขึ้นตามดีมานด์ที่มากขึ้นเช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจึงมีความเป็นไปได้เช่นกัน
“สินทรัพย์ดิจิทัลใช้เงินจำนวนไ่ม่มากก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้และยังเป็นตลาดระดับโลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง”
เมื่อเรารู้จักกับสินทรัพย์ดิจิทัลกันแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่าวิธีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้มีกี่แนวทาง
ลงทุนด้วยการซื้อขายใน Exchange
เป็นวิธีการลงทุนที่ง่ายที่สุด เพียงแค่เราไปเปิดบัญชีไว้กับ Exchange หรือเวบเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. โดยสามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ทั้งหมดและใช้เอกสารเพียงบัตรประชาชนก็สามารถเปิดบัญชีได้แล้ว โดยสามารถโอนเงินบาทเข้าไปเพื่อซื้อขายได้เลย
ปัจจุบันประเทศไทยมี Exchange ที่ได้รับใบอนุญาตประมาณ 6-7 แห่ง โดยสามารถเข้าไปเช็ครายชื่อผู้ประกอบธุรกิจได้ที่เวบไซต์ของ ก.ล.ต.
วิธีการลงทุนก็ไม่ต่างอะไรไปจากการซื้อขายหุ้นที่มีคำสั่งซื้อ (Buy) และคำสั่งขาย (Sell) กำไรที่ได้ก็มาจากส่วนต่างราคาหรือ Capital Gain โดยแต่ละ Exchange จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป เช่น มีสกุลเงินดิจิทัลหรือโทเคนดิจิทัลที่มีลิสต์ซื้อขายอยุ่แห่งเดียวเป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมี Exchange ต่างประเทศที่คนไทยก็สามารถสมัครได้อย่างเช่น Binance ซึ่งเป็น Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนจะไม่ได้รับความคุ้มครองจาก ก.ล.ต. เหมือนกับ Exchange ที่ได้ใบอนุญาต
บทความที่เกี่ยวข้อง : รีวิวการเปิดบัญชีและซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ Bitazza
ลงทุนด้วยการขุด (Mining)
เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมหลายปีก่อน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบิทคอยน์ที่นิยมเปิดเหมืองแล้วทำการขุดขึ้นมา ทั้งนี้ขออธิบายหลักการคร่าวๆของการขุดก็คือการถอดรหัสหรือโค้ดที่ผู้สร้างเหรียญสกุลเงินดิจิทัลนั้นๆได้เขียนขึ้นโดยใช้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อย่างเช่นการ์ดจอหรือเครื่องขุดโดยเฉพาะอย่าง Asics เมื่อถอดรหัสออกมาได้ สกุลเงินดิจิทัลนั้นๆจะเข้ามายังกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ของเราเอง
อย่างไรก็ตามการตั้งเหมืองขุดบิทคอยน์จะต้องใช้ต้นทุนที่สูงและการขุดบิทคอยน์ทำได้ยากขึ้น ทำให้ไม่เหมาะสมกับการลงทุนอีกต่อไปโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย
ลงทุนด้วยการทำ Staking และ Yield Farming
ปัจจุบันนี้สินทรัพย์ดิจิทัลได้เกิดเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า DeFi (Decentralize Finance) โดยเปิดโอกาสให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลที่เรามีอยู่ไปฝากไว้กับแพลตฟอร์มจากนั้นผู้ฝากจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเดียวกับการฝากเงินในธนาคาร ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวจะไม่คงที่ผันแปรไปตามภาวะตลาด แต่รวมๆถือว่าผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารในเวลานี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 สิ่งที่ DeFi แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิม
สามารถเปิดพอร์ตและซื้อขายได้บนออนไลน์ทั้งหมด
ข้อดีสำหรับนักลงทุนที่สนใจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลคือขั้นตอนการสมัครและซื้อขายสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ต่างจากการเปิดพอร์ตลงทุนในหุ้นหรือผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบดั้งเดิมที่บางครั้งยังต้องพึ่งพาการกรอกใบสมัครผ่านกระดาษหรือออฟไลน์
แต่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพหรือฟินเทคที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถเปิดพอร์ตและซื้อขายผ่านเวบไซท์หรือแอปพลิเคชั่นได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีความรวดเร็วในการให้บริการโอนเงิน ฝากถอนได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin จะวิ่งตามทองคำไปทำ All Time High ได้หรือไม่??
จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง
ที่ผ่านมาได้เกิดโปรเจกต์ระดมทุนหลอกลวง (Scam) ขึ้นมากมายโดยใช้ชื่อของสกุลเงินดิจิทัลเป็นจุดขาย โดยชูผลตอบแทนระดับสูงให้เข้ามาลงทุน ก่อนอื่นขอให้เช็ครายชื่อในเวบไซต์ของ ก.ล.ต. เสียก่อนว่าได้รับอนุญาตให้ระดมทุนแล้วหรือยัง หากไม่มีรายชื่อจะต้องหลีกเลี่ยงทันทีเนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะเข้าข่ายการหลอกลวง
รวมถึงต้องศึกษารายละเอียดของการนำเสนอวิธีการลงทุนว่ามีความเป็นไปได้จริงหรือไม่ เช่น เสนอผลตอบแทนระดับพันเปอร์เซ็นต์ภายในหนึ่งเดือน ฟังแบบนี้ก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้บอกให้เรารู้ว่าควรเริ่มต้นศึกษาการลงทุนในเงินดิจิตอลตั้งแต่วันนี้ ทั้งนี้สินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นใหม่ ยังมีอายุน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆจึงมีวิธีการลงทุนหรือสินค้าใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้ที่สนใจลงทุนจึงต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องและทำความเข้าใจการลงทุนนั้นให้ถ่องแท้เสียก่อน
บทความที่เกี่ยวข้อง : หาผลตอบแทนสูงในยุคดอกเบี้ยต่ำด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล