Mega Trends ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 (COVID-19) แพร่ระบาด ธุรกิจที่สามารถปรับตัวให้เป็นปกติ ภายใต้สถานการณ์ใหม่ได้ดี (New Normal) กลับกลายเป็นดาวรุ่งที่นักลงทุนต่างจับตามอง แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเราค้นพบธุรกิจที่มีลักษณะแบบนี้ แถมยังสามารถเติบโต และลงทุนในระยะยาวได้ด้วย
กระแส “New Normal” หรือ “ความปกติแบบใหม่” ซึ่งหมายถึง สถานการณ์ พฤติกรรม การปฏิบัติต่างๆ ที่เราไม่คุ้นเคย แต่กลายมาเป็นมาตรฐานปกติในปัจจุบันนั้น เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงหลายอย่างรอบตัวเรา เช่น การใช้ชีวิตนอกบ้านของประชาชนทั่วโลก การทำงาน หรือแม้กระทั่งธุรกิจต่างๆ ก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดด้วย
เพียงแต่ ต้องยอมรับว่า มีบางธุรกิจที่แทบจะไม่ต้องปรับตัวมากนัก แถมยังสามารถสร้างรายได้ และกำไร ให้ธุรกิจเติบโตในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็น “New Normal” แห่งยุค จนทำให้นักลงทุนต่างสนอกสนใจกับบริษัทเหล่านี้
“วรสินีเศรษฐบุตร” หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ ได้วิเคราะห์ข้อมูล และพบว่า มีบริษัทที่ไม่เพียงแต่เกาะกระแส “New Normal” เท่านั้น แต่ยังเป็นดาวเด่นในกลุ่ม Mega Trends ที่อยู่ในกระแสความต้องการของประชาชน และมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในอนาคต จนสามารถลงทุนในระยาวได้มากกว่า 10 ปี เลยทีเดียว! … ธุรกิจนั้นคืออะไร?
Global E-commerce จะโตต่อหลังจบยุคไวรัสโควิด-19
สำหรับหลายๆคน ที่อาจจะไม่เคยดาวโหลดแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์มาใช้ ก็อาจจะได้ลองใช้ในช่วงที่มีโควิด หรือ กระทั่งบางคน ที่เคยซื้อสินค้าออนไลน์มาแล้วหลายปี ในช่วงที่ผ่านมาก็อาจจะได้ทดลองใช้บริการซื้อสินค้าออนไลน์จากหลายแอปฯมากขึ้น เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มค่า หรือโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากขึ้น
ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนี้เอง ทำให้ธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ (E-commerce) ทั่วโลกมีแนวโน้มรายได้ขยายตัวต่อเนื่อง
ด้วยทิศทางผลประกอบการที่ดี จึงสะท้อนไปยังราคาหุ้นของธุรกิจนี้ ทำให้สามารถเอาชนะการลงทุนในดัชนี S&P500 ได้อย่างน่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น ETF ที่ชื่อ Amplify Online Retail ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐฯ ก็สร้างความเหนือชั้นอย่างมาก ด้วยการเอาชนะดัชนี S&P500 ได้ทั้งในขาขึ้น และขาลง หรือ ขยายความให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือ “ช่วงตลาดขาลง…ธุรกิจ E-commerce ลงน้อยกว่า ช่วงตลาดขาขึ้น…ธุรกิจ E-commerce ขึ้นมากกว่า” นั่นเอง
Digital Healthcare ความหวังของวงการแพทย์แห่งอนาคต
นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายบริษัททั่วโลก ที่อยู่ในกลุ่ม “Digital Healthcare” มีความต้องการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการรักษา : Virtual care และ Telehealth หรือ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการแพทย์ผ่านระบบโทรคมนาคม โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาใช้ในการดูแลสุขภาพของประชาชน ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น จากผลของการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ยกตัวอย่างเช่น
- Teladoc ผู้ให้บริการ telehealth ในสหรัฐฯระบุถึง ปริมาณคนไข้ที่ใช้บริการต่อวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 รายต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 2 เท่า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานใน Q1/20 รายได้เพิ่มขึ้น 41% Source:https://www.wsj.com/articles/teladocs-remote-doctor-visits-surge-in-coronavirus-crisis-11586894400?mod=searchresults&page=1&pos=3)
- Teladoc ผู้ให้บริการ telehealth ในสหรัฐฯระบุถึง ปริมาณคนไข้ที่ใช้บริการต่อวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 รายต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 2 เท่า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานใน Q1/20 รายได้เพิ่มขึ้น 41% Source:https://www.wsj.com/articles/teladocs-remote-doctor-visits-surge-in-coronavirus-crisis-11586894400?mod=searchresults&page=1&pos=3)
- ธุรกิจด้านการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อสนับสนุนการรักษา : มีหลายบริษัท ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้การรักษา ให้มีศักยภาพสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Alihealth ให้บริการ 3 ธุรกิจสำคัญ Online Doctor การรักษาออนไลน์ ,Electronic Health Record – เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลทางการแพทย์ และ Medicine Delivery – ขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์
- ธุรกิจด้านการคิดค้นวัคซีน : กลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยวัคซีนช่วยป้องกันโรค COVID-19 และ ยารักษาโรค ช่วยผลักดันภาพรวมธุรกิจ ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น Moderna ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตวัคซีนที่มีความคืบหน้ามากที่สุด โดยจะเริ่มทดลอง เฟส 1 และ จะทราบผลในเดือน มิ.ย. นี้จะสามารถก้าวไปสู่ในเฟสต่อไปได้หรือไม่และเนื่องจาก Digital Healthcare แทบจะเรียกได้ว่า เป็นความหวังของคนทั้งโลกในตอนนี้ จึงทำให้กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ เอาชนะดัชนี S&P500 ได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและลงเช่นกัน
ดังนั้น ถ้าคุณกำลังมองหาการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งกระแส “New Normal” และเป็น Mega Trends ที่จะเติบโตต่อเนื่อง สามารถลงทุนได้ในระยะยาวตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป ธุรกิจ “Digital Healthcare” และ “Global E-commerce” ก็น่าจะเป็นคำตอบได้ให้กับคุณได้อย่างดี
บทความโดย Tisco Advisory
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ปรากฎการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ต่างกันระหว่างวิกฤติ ต้มยำกุ้ง-โควิด19