SecurityToken เป็นวิวัฒนาการมาจาก UtilityToken ที่มีการขายผ่าน Initial Coin Offering (ICO) ในทางกลับกันกระบวนการขาย Security Tokenถูกเรียกว่าSecurity Token Offering (STO) สิ่งที่แตกต่างหลักๆ ระหว่างSecurity Token และ Utility Tokenคือ Security Tokenมีการสัญญาจากผู้ออก Token ว่าจะมีเงินลงทุน และ/หรือผลประโยชน์คืนให้แก่ผู้ลงทุน
ตัวอย่างของ Utility Tokenก็เหมือนกับคูปองใน Food Court ที่ไม่สามารถคืนได้หรือบัตรกำนัลห้างสรรพสินค้าที่ไม่สามารถแลกกลับเป็นเงินได้ Security Tokenเป็นการลงทุนหรือหลักทรัพย์ ซึ่งต้องมีการกำกับดูแลโดยองค์กรรัฐ
ที่ผ่านมา จริงๆแล้ว มี UtilityToken จำนวนมาก ที่จริงๆ แล้ว เป็นSecurity Token เนื่องจากมีการสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ทางการเงิน
กลต.ของสหรัฐอเมริกา (US Securities Exchange Commission) ใช้หลักเกณฑ์ในการดูว่า Token นั้นเป็น Utility หรือSecurity ดังนี้
- เป็นการลงทุนของเงิน
- เป็นการลงทุนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
- ออกมาเพื่อแทนที่การหวังผลกำไร
- ออกมาเพื่อแทนที่การหวังผลกำไรที่มาจากความพยายามของคนอื่น
Security Tokenมีทั้งหมด 4 ประเภท แต่ในอนาคตอาจจะมีมากกว่านี้ เพราะ Token สามารถจะถูกโปรแกรมให้เป็นและเป็นตัวแทนคำสัญญาทางการเงินได้ทั้งสิ้น เอาเป็นว่าถ้าตอนนี้มีตราสารทางการเงินอย่างไร เราสามารถเอา Token ได้หมด เช่น อาจจะมี Token เอามาแทนสัญญาประกันชีวิตก็ได้
อันแรก คือ Equity Token ซึ่ง ก็คือ Token ที่แทน การเป็นเจ้าของของบริษัท
อันที่ 2 คือ Debt Token ซึ่งแทนหนี้หรือคำสัญญาที่พูดออกไปจะคืนเงินแล้วแต่จะตกลง
อันที่ 3 Hybrid Token แทนความเป็นเจ้าของบริษัทและความเป็นเจ้าหนี้ เช่น Token อาจจะแทนความเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นสถานะ ของความเป็นเจ้าของ หรืออาจจะเป็น Token ที่แทนผลตอบแทนจากอนุพันธ์หรือสัญญา Swaps ตอนนี้ Token แบบนี้ ยังไม่มีแต่การขายสัญญาณแบบนี้มีมานานแล้ว ผ่าน Private Banks ถ้าหากมีSecurity Token แบบที่ 1 และที่ 2 ออกมาสักพักหนึ่ง แบบที่ 3 ก็จะออกมา ได้ทันที
อันที่ 4 คือ Asset-Based Token ซึ่งแทนทรัพย์สินเช่น อสังหาริมทรัพย์ สิ่งมีค่า เช่นทอง เพชร หรือน้ำมัน
SecurityTokenจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีมาร์เกตแคปที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากนักลงทุนสถาบันบางส่วนจะเริ่มนำเงินมาลงทุน จากเดิมที่โปรเจคท์ ICO ส่วนใหญ่มักจะล้มเหลวจากการที่ไม่มีสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ เจ้าของโปรเจคท์พร้อมที่จะพับโครงการได้ทันที
ปัจจุบันยังมีหน่วยงานกำกับดูแลไม่กี่แห่งที่ออกกฎหมายรองรับSecurity Token เนื่องจากกฎระเบียบมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลักทรัพย์เดิมค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามหากข้อบังคับมีความชัดเจนและเทคโนโลยีด้านบล็อกเชนถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการเงินการลงทุนมากขึ้น เราจะได้เห็นSecurity Tokenออกมามากขึ้นแน่นอน
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ความเหมือนระหว่าง Cryptocurrency และ Commodity