จุดซื้อ จุดตัดขาดทุนว่ายากแล้ว การหาจุดขาย ไม่ให้ ขายหมู นั้นยากกว่า นักลงทุนที่เป็นสาย Value Investor หรือ VI จุดขายนั้นเหมือนจะขึ้นอยู่กับความพอใจของนักลงทุนแต่ละท่าน อย่างสาย VI หลายท่านแทบจะไม่มีจุดออกด้วยซ้ำ บางตัวกำไรขึ้นมาแล้วหลายร้อยเปอเซ็นต์ก็ไม่ได้คิดจะขายหรือเปลี่ยนตัวอะไร
ดังนั้นแล้ว เรื่องนี้ก็ต้องย้อนกลับมาถามตัวท่านเองว่าท่าพอใจที่จะได้กำไรเท่าไหร่ มีเป้าหลายการลงทุนแบบได้กำไรเป็นคำเล็กๆ ซื้อขายระยะสั้น สร้างกระแสเงินสด หรือจะมีเป้าการทำกำไรเป็นคำใหญ่ๆ Run trend เพื่อให้พอร์ตโต
ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อด้อยที่แตกต่างกันไป นักลงทุนก็สามารถพิจารณาจากความต้องการของตัวเองเป็นพื้นฐานได้ แต่ไม่ว่าจะมีเป้าหมายแบบไหน ก็ล้วนที่จะไม่อยากเห็นว่าเมื่อตัวเองขายแล้วหุ้นวิ่งไปต่อ หรือที่เรียกว่า ขายหมู นั้นเอง
ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการให้เราหาเป้าขายที่ได้เปรียบมากที่สุด
1.ขายเมื่อติดแนวต้าน หรือติดเส้นกด
พฤติกรรมหุ้นในกลุ่มนี้มักจะวิ่งอยู่ในกรอบ Channel trade ซื้อที่แนวรับ และขายเมื่อชนแนวต้าน กินกำไรเป็นคำๆ 3-5% แต่ควรจะเลือกหุ้นที่ค่อนข้างมีพื้นฐานดี ไม่ตอบสนองต่อข่าวดี หรือข่าวร้ายที่ราคาหุ้นจะขึ้นลงแรง และควรจะเป็น Sideway up หรือการใช้เทคนิค Buy on dip ในการซื้อเมื่อหุ้นขาขึ้นมีการปรับย่อของราคา แล้ววิ่งกลับขึ้นไปชนเส้นกด หรือแนวต้าน ถ้าอยากได้ Cash flow ออกมาจากวิธีนี้อาจจะพิจารณาขายออกมาบางส่วน แต่ถ้าหุ้นไม่ไปต่อก็อาจจะขายออกมาทั้งหมดได้เช่นกัน
2.ขายเมื่อชน High เดิม
วิธีนี้ก็ใกล้เคียงกับข้อที่ 1 สำหรับกรณี Buy on dip สามารถที่จะแบ่งขายออกส่วนนึง เพื่อหวังว่าให้หุ้นเบรค High เดิมแล้ววิ่งต่อ แต่ถ้าไม่สามารถเบรคได้ก็อาจจะตั้งพิจารณาขายออกไปก่อน แล้วค่อยเข้ามาเก็บหุ้นใหม่เมื่อย่ออีกครั้ง โดยหุ้นที่เลือกเล่นก็ยังควรอยู่ใน SET50 / SET100 หรือพื้นฐานดี ที่มีการเติบโต
3.ขายตามเป้า fibonacci
สำหรับสายเทคนิค วิธีนี้คงเป็นวิธีที่มักจะได้รับความนิยมมากที่สุด โดยในทฤษฏี Fibonacci จะมีจุดตัวเลขที่จะเป็นแนวต้านสำคัญอย่าง 161.8, 261.8 เป็นต้น การตีเป้าทาง Fibo อาจจะต้องอาศัยการฝึกฝนพอสมควร รวมถึงความแม่นยำในการดู primary trend, Secondary trend ในการนำมาพิจารณาในการตีเป้าให้ถูกต้อง
4.ขายเมื่อตก trend line, speed line
โดยวิธีที่ 4 และ 5 เหมาะกับสาย Run trend โดยเพื่อรักษา Trend ขาขึ้นตามทฤษฏี Dow Theory การย่อหรือพักตัวของหุ้นก็ไม่ควรที่จะหลุดเทรนด์เดิมของหุ้นตัวนั้นๆ หากหลุดอาจจะต้องพิจารณาขายทำกำไรคืน
5.ขายเมื่อหลุด EMA 15 , 35
วิธีนี้ก็ใกล้เคียงกับวิธีที่ 4 แต่เปลี่ยนเป็นการใช้เส้น EMA หรือ moving average ในการถือ Run trend แต่หากหลุดก็ควรจะพิจารณาขายทำกำไร โดยการเลือกว่าต้องใช้เส้น EMA5, 15 , 35 ก็ขึ้นอยู่กับหน้าเทรดของนักลงทุนแต่ละท่านว่ารับความเสี่ยงที่หุ้นจะย่อได้มากเท่าไหร่ ถ้าอยากรักษากำไรและได้กำไรสูง ต้องใช้ EMA 5 แต่ถ้าเป็นสายระยะกลาง-ยาว ก็อาจจะใช้ EMA15 ,35 ในการขายทำกำไร
จากทั้ง 5 ข้อนักลงทุนจะเห็นแล้วว่าไม่มีวิธีให้ที่จะแน่นอนให้เราได้กำไรสูงสุด ตามความคิดในอุดมคติซื้อถูกขายแพง แต่ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของนักลงทุนแต่ละท่านว่าต้องการจะได้กำไรเป็น Cash Flow หรือสามารถโตจนเบิ้ลพอร์ตได้ แค่นี้ก็ไม่ ขายหมู แล้ว
* หมายเหตุ หุ้นที่แสดงในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่าง ไม่มีเจตนาชี้นำ ชักชวนให้นักลงทุนเข้าซื้อ ถือ หรือขายหุ้นตัวดังกล่าว
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เทคนิคการอ่านกราฟแท่งเทียน (Candle Stick)