ลงทุนปัจจัยพื้นฐาน

หุ้น โตช้าปันผลสูง กับ หุ้นเติบโตขี้เหวี่ยง เลือกลงทุนแบบไหนให้เหมาะสมกับตัวเรา ทั้งสองแบบจึงมีข้อดีทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของนักลงทุน

การลงทุนที่ตอบโจทย์ New Normal และ Mega Trends ที่จะเติบโตต่อเนื่อง10 ปี ขึ้นไป ธุรกิจ “Digital Healthcare” และ “Global E-commerce” เป็นคำตอบได้อย่างดี

ธนาคารไทย มีความเข้มแข็งต่างจากสมัยปี40ค่อนข้างมาก ทำให้สามารถรองรับวิกฤตโควิด-19ในครั้งนี้ได้ แม้จะมีมาตราการช่วยเหลือลูกหนี้ออกมา

Jitta เผยกรณีศึกษา ลงทุนก่อน ระหว่าง หรือหลังวิกฤตได้ผลตอบแทนสูงกว่า พบว่า ช่วงวิกฤตสินเชื่อซับไพร์ม คนที่ลงทุนหลังตลาดหุ้นล่มทำกำไรได้สูงที่สุด

หุ้นกลุ่มสื่อสาร ประกันและอาหาร น่าจะเป็นกลุ่มที่ยังสามารถเติบโตได้ในภาวะวิกฤต แต่ภาพรวมตลาด หุ้นไทย ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าฟื้นตัวแล้ว

COVID-19 ทำให้เกิด Economic shutdown หรือ ‘Sudden stops’ คือภาวะชะงักงันของระบบเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิงและเป็นวงกว้างยิ่งกว่า วิกฤตเศรษฐกิจ การเงินครั้งที่ผ่านมา

เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวมาตั้งแต่ก่อนCOVID-19 แล้ว จากปัจจัยเชิงโครงสร้างและความอ่อนแอของเศรษฐกิจภายในประเทศ

ตลอดช่วง 5 ปีการลงทุน หุ้นปันผล ให้ผลตอบแทนรวม 47.54% ขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทนรวม 22.10% จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้มีเงินออมที่ต้องการลงทุนในระยะยาว

ตลาดหุ้น นับเป็นวิธีการสร้างความมั่งคั่ง (Wealth) ที่ใช้เงินทุนน้อยและเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาแสวงหาผลตอบแทนได้ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีภาระหน้าที่การงาน ต้องเล่นหุ้นเป็นงานรองจะเข้ามาสร้างความมั่งคั่งได้ต้องผ่านกฎเหล็กดังนี้

ข้อผิดพลาดที่เจอบ่อยสำหรับ มือใหม่ คือ ชอบซื้อ “หุ้นเพื่อนบอก” หรือ “หุ้นวงใน” โดยมักจะไม่ตรวจสอบข้อมูลอะไรเลย โดยเฉพาะหุ้นที่ส่งมาตามห้องไลน์