ARK Invest Big Idea 2023 ได้วิเคราะห์การเติบโตของการนำ Public Blockchain ไปสร้าง Smart Contract ซึ่งจะนำมาสู่การปฎิวัติระบบการเงินและอินเทอร์เนตและนำไปสู่มูลค่าตลาดรวมของธุรกรรม Smart Contract ที่ 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2030
Smart Contract ปฎิวัติระบบการเงินสู่ Decentralized Finance
Pain Point ของระบบการเงินดั้งเดิมคือการรวมศูนย์ของสถาบันการเงินทำให้เป็นจุดกำเนิดของวิกฤติการเงินในหลายๆครั้งที่สถาบันการเงินบริหารงานผิดพลาดและไม่โปร่งใส รวมถึงประชากรโลกกว่า 2,000 ล้านรายยังขาดโอกาสเข้าถึงระบบการเงินตั้งแต่บัญชีทั่วไปจนถึงการกู้ยืมเงิน
บทความที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin กับอนาคตการเป็นสกุลเงินของโลก
Smart Contract คือ เทคโนโลยีที่ทำให้สามารถสร้างระบบการเงินแบบกระจายอำนาจหรือ Decentralized Finance (DeFi) ทำให้สามารถทำให้เกิดธุรกรรมการเงินได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์ควบคุม รวมถึงยังทำให้เกิดระบบการเงินที่เป็น Global ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้
การพัฒนายังเกิดขึ้นจากระบบ Open Source ทำให้เกิดการร่วมมือกันพัฒนานวัตรกรรมได้โดยคนทั่วโลก นอกจากนี้คนทั่วโลกที่เข้าถึงอินเทอร์เนตจะสามารถร่วมกันตรวจสอบธุรกรรมต่างๆได้ทำให้เกิดความโปร่งใส
มีข้อมูลระบุว่าเกิดธุรกรรมการซื้อขายใน DeFi กว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2020 จนถึง 2022 คิดเป็นการเติบโต 12 เท่า และภายหลังจากการล่มสลายของ FTX ทำให้เกิดวอลลุ่มซื้อขายผ่าน DeFi เพิ่มขึ้นกว่า 52% และมีการทำธุรกรรม Stablecoins กว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ผ่านเครือข่าย Mastercard,AMEX และ Discover ในปี 2022
ขณะที่ธุรกรรมการกู้ยืมใน DeFi หรือ Lending ภายใต้ AAVE ซึ่งเป็น Lending Protocol รายใหญ่ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 มีเม็ดเงิน Inflow กว่า 75,000 ล้านดอลลาร์ และ Outflow 66,000 ล้านดอลลาร์ ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นผ่าน Smart Contract ทั้งหมด
ขณะที่แพลตฟอร์ม CeDeFi อย่าง Celsius และ Voyager ต้องล่มสลายไปพร้อมกับ FTX แต่ Lending Protocol ใน DeFi รายใหญ่ทั้งหมดยังคงอยู่ได้
Ethereum และ Layer2 กับการเติบโตครั้งสำคัญ
Ethereum ถือเป็นผู้ให้บริการ Smart Contract และ Blockchain Layer1 รายใหญ่ที่สุด ที่ล่าสุดผ่านการอัปเกรดครั้งสำคัญ The Merge ทำให้เปลี่ยนจาก Proof Of Work มาเป็น Proof Of Stake และมีกลไกในการเผาเหรียญเมื่อมีการใช้ทำธุรกรรมใน Smart Contract และผลที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2022 คือจำนวนเหรียญ ETH ที่ออกสู่ตลาดลดลงจากระดับ 15,000 ETH ต่อวันเหลือ 2,000 ETH ต่อวัน
ที่สำคัญคืออัตราการปล่อยซัพพลายเหรียญใหม่ของ ETH เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ -0.07% ซึ่งน้อยกว่าเดิมตอนที่เป็น POW ซึ่งอยู่ที่ 4% ต่อปี และน้อยกว่า Bitcoin ซึ่งมีการปล่อยซัพพลายเหรียญใหม่เฉลี่ย 1.7% ต่อปี
ขณะที่การใช้งาน Layer2 ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Layer1 ให้ทำงานเร็วและค่าธรรมเนียมถูกลง มีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะ Arbitrum และ Optimism ที่เติบโตกว่า 11 และ 19 เท่าจากปี 2022
Web3 ปฎิวัติโครงสร้างอินเทอร์เนต
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ทำงานบน Smart Contract ก็คือ Web3 ซึ่งมีโอกาสเข้ามาปฎิวัติอินเทอร์เนตในยุคปัจจุบันที่ถูกผูกขาดเพียงไม่กี่รายและควบคุมข้อมูลผู้ใช้งานทั้งหมด ไม่ต่างจากระบบการเงินที่ถูกรวมศูนย์อำนาจ
แต่ Web3 จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เนตสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์บนโลกดิจิทัลจริงๆไม่ได้เป็นของแพลตฟอร์มอีกต่อไปและ Web3 จะอยู่ในรูปแบบของ Protocol ไม่ใช่ Platform ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนโยบายต่างๆ
ปัจจุบันมีผู้จดทะเบียนโดเมนเนมแบบ Decentrarlized บน Ethereum Name Service และ Unstoppable Domains แล้วกว่า 5 ล้าน ID ขณะที่มีผู้สร้าง NFT แล้วกว่า 127 ล้านผลงาน วอลลุ่มซื้อขายกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน
รวมถึงแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Starbucks,Adidas,Nike,Coca-Cola ฯลฯ ต่างเข้ามาในโลกของ Web3 และผู้เล่นรายใหญอย่าง Instagram,Twitter และ Reddit ต่างเข้ามาในโลกของ NFT
บทสรุปของ ARK Invest Big Idea 2023 ในส่วนของ Smart Contract คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกิดขึ้นจาก Smart Contract จะมีมูลค่าแตะ 450,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 จากสิ้นปี 2022 อยู่ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 59% และจะมีมูลค่าตลาดรวม 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2030
ขณะที่ Tokenize Asset หรือสินทรัพย์ที่ถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลจะมีสัดส่วน 5% ของสินทรัพย์การลงทุนทั้งหมดที่จะมีมูลค่าแตะ 1,000 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2030
