FinVest แอปพลิเคชันเพื่อการลงทุนด้วยความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และกลุ่มโรโบเวลธ์ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เพิ่มทางเลือกและโอกาสทำกำไรให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้เองโดยตรงมากกว่า 1,000 กองทุนจาก 33 บลจ.ชั้นนำทั่วโลกได้เป็นแอปฯ แรกในประเทศไทย รับเทรนด์เศรษฐกิจสัญญาณบวกและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากการเติบโตของตลาดกองทุนรวมต่างประเทศที่มีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท มั่นใจตอบโจทย์นักลงทุนไทยด้วยตัวเลือกหลากหลายครอบคลุม ทันเมกะเทรนด์ระดับโลก ไม่เสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน
ดร.พิพัฒน์พงศ์โปษยานนท์กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไทยที่หดตัว จึงทำให้แนวโน้มการลงทุนกองทุนต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนเมษายน 2564 กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ FIF (ไม่รวม Term Fund) ได้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่าระดับ 1 ล้านล้านบาท และภาพรวมครึ่งปีแรกมีเงินไหลเข้าสะสมถึง 1.9 แสนล้านบาท
สำหรับฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ Offshore ที่พัฒนาขึ้นร่วมกันของ ลู อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) กลุ่มโรโบเวลธ์ ช่วยตอกย้ำจุดเด่นของFinVest ที่เป็น Open Architecture ซึ่งเป็นการคัดเลือกกองทุนรวมจาก บลจ.ชั้นนำทั่วโลกมาให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อโดยตรงได้เอง ทำให้ไม่เสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนและสะดวกครบจบภายในแอปเดียว แตกต่างจากการลงทุนแบบเดิมที่การซื้อขายมีข้อจำกัด เนื่องจากสถาบันการเงินจะขายเฉพาะกองทุนรวมของ บลจ. ที่อยู่ในเครือเท่านั้น
การลงทุนแบบ Open Architecture ในFinVest ทำให้นักลงทุนเข้าถึงรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายทั่วโลก ซึ่งในบางหมวดธุรกิจเป็นกลุ่มที่ยังไม่ครอบคลุมในตลาดหุ้นไทย เช่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนและยังตอบโจทย์นักลงทุนสมัยใหม่ที่ต้องการความหลากหลาย และต้องการเปิดโอกาสลงทุนในต่างประเทศด้วยวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง สามารถบริหารการลงทุนให้สอดคล้องทันสถานการณ์
นางสาวโจอันนาแทงประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูอินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการลงทุนระดับโลกในเครือผิงอันกรุ๊ป (Ping An Group) กล่าวว่า การพัฒนาฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนต่างประเทศ เป็นการทำงานร่วมกันโดยนำจุดแข็งของทั้ง 3 องค์กร มาพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการลงทุนแบบดิจิทัลในประเทศไทยที่มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้เชื่อมต่อ FinVest เข้ากับระบบซื้อขายหน่วยลงทุนในต่างประเทศเพื่อลงทุนได้โดยตรง และยังสามารถใช้สกุลเงินบาทซื้อกองทุนต่างประเทศได้ทันที
โดยระบบจะทำการแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราต่างประเทศให้แบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการซื้อขายในทุกขั้นตอน นอกจากการลงทุนในต่างประเทศจะมีผลตอบแทนที่น่าจูงใจแล้วFinVestยังช่วยให้การซื้อขายกองทุนต่างประเทศง่ายขึ้นและมีตัวเลือกที่หลากหลาย นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถลงทุนกองทุนต่างประเทศโดยตรงด้วยจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในไทย
ทั้งนี้FinVest ได้รับการพัฒนาระบบให้ใช้งานง่าย โดยคำนึงถึง User Experience และ User Interface ที่ใช้งานได้ง่าย ซึ่ง ลู อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับซื้อขายกองทุนในต่างประเทศ รวมทั้งความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี มาพัฒนาฟีเจอร์การซื้อขายกองทุนต่างประเทศ บน FinVestให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความง่ายและความสะดวกต่อการใช้งาน
นายชลเดชเขมะรัตนาประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรโบเวลธ์บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Wealth Tech ที่เป็นผู้ดูแลการให้บริการแพลตฟอร์มFinVest กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานFinVest ประมาณ 130,000 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 26 – 30 ปี และส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทที่มีความสนใจในการลงทุน ทั้งยังพบว่าผู้ใช้บริการ FinVest กว่า 80% ลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศผ่านธีมการลงทุนประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับการแนะนำโดยตรงจากแอปฯ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนไทยสนใจการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีในการนำเสนอฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนต่างประเทศโดยตรง หรือ Offshore เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนต่างประเทศให้แก่นักลงทุนไทย ให้ผู้ใช้บริการ FinVest สามารถซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้ตรง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนอีกต่อไป และFinVest จะแลกเงินบาทเป็นเงินตราต่างประเทศให้แบบอัตโนมัติ โดยใช้อัตราแรกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกกองทุนรวมที่น่าสนใจในรูปแบบ Thematic Investment เน้นการให้ข้อมูลการลงทุนอย่างเป็นกลางผ่านการคัดเลือกโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนร่วมกับผู้บริหารใน Product Screening Committee ที่ช่วยกันคัดเลือกกองทุนจาก 33 บลจ.ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อกองทุน ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 30,000 บาทเท่านั้น
พิเศษ! ช่วงเปิดตัวฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศโดยตรงบนFinVest ระหว่างวันนี้-15 พฤศจิกายน 2564 ฟรี! ค่าธรรมเนียมจากการขายหน่วยลงทุน (Front-end-fee) แบบไม่มีเพดาน สำหรับ 5 กองทุนแนะนำ ดังนี้
- กองทุน Robeco Smart Mobility จาก UOBAM เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยี ยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับ
- กองทุน Global Energy Transition จาก Schroder ISF เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดระดับโลก
- กองทุน Blockchain Innovation จาก BNY Mellon เน้นลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลากหลายอุตสาหกรรม
- กองทุน Healthcare Innovation จาก Schroder ISF เน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ รวมทั้ง Johnson & Johnson, AstraZeneca, Pfizer
- กองทุน Worldwide Long Term Global Growth Fund จาก Baillie Gifford เน้นลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นจากทั่วโลก และมีความสามารถในการแข่งขันสูง
เกี่ยวกับ FinVest
‘FinVest’คือ แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการลงทุน ภายใต้แนวคิด “ติดปีกการลงทุนให้คุณ” ทำให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนได้ “ง่าย” เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันFinVest จะได้รับข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าใจง่าย คมชัด และ “ชี้เป้า” การลงทุนอย่างเป็นกลาง และสามารถเปิดบัญชีได้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยลูกค้าเลือกผูกบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารไทยพาณิชย์ได้ เน้นความ “หลากหลาย” สามารถลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ ของบลจ.ชั้นนำในประเทศไทย และบลจ.ชั้นนำจากทั่วโลกผ่านแอปฯFinVest ได้โดยตรง กระบวนการทำงานทุกขั้นตอนมีความ “น่าเชื่อถือ” ที่ได้มาตรฐานฟินเทคระดับโลก ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ FinVest เพิ่มเติม https://www.finvest.co.th
*มูลค่าการซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ FIF (ไม่รวมกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีกำหนดอายุโครงการ) ข้อมูลจาก Morningstar Direct ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : StashAway แพลตฟอร์มบริหารการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เปิดตัวแล้วในไทย