วัคซีนต้านไวรัสโควิด กำลังเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกกำลังเฝ้าจับตามองว่าจะเกิดขึ้นและใช้กับมนุษย์ได้จริงเมื่อไร แต่ในแง่มุมการลงทุนเราสามารถเลือกลงทุนในกิจการเหล่านี้ได้โดยมีหลายบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหุ้นอยู่แล้วและถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้ผลิตวัคซีนได้ในกลุ่มแรกๆ
ทั้งนี้หุ้นกลุ่มไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์ มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีนอกจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเมกะเทรนด์ของโลกอย่างสังคมผู้สูงอายุ และแนวคิดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว
ไบโอเทคโนโลยีการแพทย์ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางชีวภาพแห่งอนาคตยังได้รับประโยชน์โดยตรงจากความต้องการยา วัคซีน และผลิตภัณฑ์ สำหรับป้องกันและรักษาโรคอุบัติใหม่ที่มีความรุนแรง ซับซ้อนและหายยากอีกด้วย เช่น โรคมะเร็ง ซาร์ส และรวมไปถึงไวรัส COVID-19
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติให้ผู้ประกอบการสามารถวางจำหน่ายยาชนิดใหม่เพิ่มขึ้นโดยตลอด ส่งผลให้บริษัทไบโอเทคโนโลยีมีแนวโน้มว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นหากสามารถคิดค้นยาชนิดใหม่ออกมาวางจำหน่าย
บริษัทเหล่านี้ยังเป็นเป้าหมายในการลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุนหรือคอร์ปอเรทขนาดใหญ่ซึ่งจะช่วยเข้ามาขยายฐานทุนให้กิจการเติบโตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
Moderna-Inovio ตัวเก็งผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด
ในบรรดาผู้ผลิต วัคซีนต้านไวรัสโควิด สองบริษัทที่เป็นตัวเก็งในการผลิตและสามารถใช้งานได้จริงก็คือ Moderna ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NADAQ และคาดว่าจะได้รับเงินทุนมูลค่า 483 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯในการเร่งผลิตวัคซีน
ปัจจุบันบริษัทมีมาร์เกตแคปอยู่ที่ 16,800 ล้านดอลลาร์และราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 250% ตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันได้เริ่มทดสอบวัคซีในเฟสที่1 แล้วและน่าจะไปถึงการทดสอบในเฟสที่2 ภายในไตรมาสสามปีนี้และทดลองขั้นสุดท้ายเฟสที่3 ในช่วงปลายปีนี้
ขณะที่ Inovio Pharmaceuticals จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เช่นกันแม้ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก มีรายได้รวมเพียง 4 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันได้เข้าการทดลองวัคซีนเฟสที่1 เรียบร้อยแล้ว
มาร์เกตแคปของบริษัทอยู่ที่ 1,700 ล้านดอลลาร์และราคาปรับตัวขึ้น 255% จากต้นปีและปรับตัวขึ้น 100% จากจุดต่ำสุดในปีนี้
ยักษ์ใหญ่ Johnson&Johnson ขอแจมด้วย
นอกจากบริษัทขนาดเล็กขนาดกลาง ยักษ์ใหญ่อย่าง Johnson&Johnson ก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิดด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่การผลิตในเฟสที่1 ช้ากว่าสองรายแรกคือกว่าจะเริ่มได้ก็น่าจะเป็นเดือนกันยายนปีนี้ แต่ด้วยความเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทำให้ได้เปรียบในแง่ของกำลังการผลิตยา โดยบริษัทคาดว่าจะผลิตได้ถึง 900 ล้าน Dose ในปี 2021
บริษัทฯมีมาร์เกตแคปอยู่ที่ 390,000 ล้านดอลลาร์ โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 35% จากจุดต่ำสุดในวัน Black Thursday โดยจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค
ขณะที่ Sanofi จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาติดหนึ่งในห้าของโลกก็เป็นหนึ่งในบริษัททีคาดว่าจะเป็นผู้ผลิต วัคซีนต้านไวรัสโควิด ได้เช่นกัน โดยเพิ่งค้นพบว่ามีโอกาสที่จะใช้ยารักษามาลาเรีย hydroxychloroquine ในการรักษาไวรัสโควิดได้เช่นกัน
บริษัทฯมีมาร์เกตแคป 120,000 ล้านดอลลาร์และราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 28% จากจุดต่ำสุด
หุ้นกลุ่มไบโอเทคโนโลยีถือเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่มีโอกาสเติบโตสูงหลังจากนี้ ไม่เพียงแต่การรักษาไวรัสโควิด-19 แต่ในภาวะที่คนทั้งโลกหันมาใส่ใจในสุขภาพ หุ้นกลุ่มนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจอย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก Forbes
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เจาะธุรกิจควบกระแสฮอต New Normal – Mega Trends