ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดเมื่อคืนนี้ดิ่งลงกว่า 1,000 จุด จนต้องใช้มาตราการ Circuit Breaker พักการซื้อขายเป็นครั้งที่สี่ของปีนี้ และปิดตลาดที่ 19,898.92 จุด ลดลง 1338.46 จุด หรือ -6.30% เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ดาวโจนส์ต่ำกว่าระดับ 20,000 จุด
ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 1% หรือเกือบ 20 ดอลลาร์ หลุดระดับ 1,500 ดอลลาร์นักลงทุนพากันขายทองเพื่อถือเงินสด รวมถึงถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ราคาทองคำสามารถกลับมายืนเหนือ 1500 ดอลลาร์ได้
WTI ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงเกือบ 16% หลุดระดับ 23 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 ปี ราคาน้ำมันถูกกดดันจากความวิตกที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกประสบภาวะถดถอย
ราคาน้ำมัน WTI ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 20.86 จุดก่อนจะฟื้นตัวในการซื้อขายภาคเช้าวันนี้มาอยู่ที่ระดับ 24 ดอลลาร์
โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะร่วงลงต่ำถึง 20 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2545
ขณะที่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศโครงการใหม่ในการซื้อหลักทรัพย์ของภาคเอกชนและภาครัฐวงเงินรวม 7.50 แสนล้านยูโร (8.19 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ECB ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 1.2 แสนล้านยูโรจนถึงสิ้นปีนี้ หลังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
