ปีหนูปีนี้ ถือเป็นปีทองของ “ลูกหนี้ดี” ได้รับรางวัลบ้างแล้ว แบงก์ชาติส่งสัญญาณให้เจ้าหนี้ทั้งหลายช่วยก้นประคับประคองลูกหนี้ดีที่เริ่มมีสัญญาณผิดนัดชำระหนี้ไม่ถึง 3 เดือน หรือเรียกว่าลูกหนี้ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ (SM) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไหลเป็นหนี้เสีย โดยมี คลินิกแก้หนี้ เป็นหน่วยงานหลักในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นจากผลกระทบเชื้อไวรัสโคโรน่าหรืออะไรก็ตาม
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับ “น่ากังวลใจ” และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ไม่สดใสนัก ทำให้การแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของธปท.ในปี 2563
เมื่อดูข้อมูลภาระหนี้ต่อเดือนของครัวเรือนไทยพบว่าประมาณ 40% เป็นหนี้ส่วนบุคคลเพื่ออุปโภคบริโภค ที่ระยะเวลาผ่อนสั้นและมีอัตราดอกเบี้ยแพง ซึ่งหนี้บัตรทั้งบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดถือเป็นลูกหนี้ส่วนใหญ่ของหนี้กลุ่มนี้
คลินิกแก้หนี้ เปิดรับเพิ่มลูกหนี้เสียก่อน1ม.ค. 2563
โดยขออัพเดตข้อมูลของคนเป็นหนี้เสียก่อน เพราะขณะนี้แบงก์ชาติ เปิดทางให้ “โครงการคลินิกแก้หนี้” เดินหน้าเฟส 3 ที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือดูแลประชาชนที่มีหนี้บัตรได้ครอบคลุมเกือบทุกกลุ่ม เนื่องจาก
1.เปิดรับแก้ไขหนี้บัตรสำหรับคนที่มีเจ้าหนี้รายเดียว
2.เปิดรับหนี้บัตรที่อยู่ในกระบวนการของศาลและมีคำพิพากษาแล้ว หรือเป็น“คดีแดง” เพิ่มจากเดิมรับเพียงคดีดำ (อยู่ระหว่างกระบวนพิจารณาของศาล) และลูกหนี้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เท่านั้น
3.ขยายเวลารับลูกหนี้บัตรที่เป็นNPL หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2563 แบบว่าลูกหนี้ที่เพิ่งเสียใหม่ปีที่แล้วก็มาใช้บริการได้
เพราะฉะนั้น หากคุณลูกหนี้บัตร รู้สึกมีอาการผ่อนจ่ายหนี้สารพัดบัตรไม่ไหว ควรเข้าปรึกษาโครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งมีความพิเศษ 2 ต่อ คือ
ต่อที่หนึ่ง ตัวกลางโดย “บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท” หรือ SAM จะช่วยดำเนินการเจรจาและประสานงานให้ระหว่างเจ้าหนี้หลายรายกับลูกหนี้รายนั้นๆ ซึ่งจะทำให้รวมหนี้บัตรเบ็ดเสร็จ
ต่อที่สอง ลูกหนี้บัตรจะได้รับคำแนะนำและข้อเสนอปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่อนปรนพิเศษด้วยการผ่อนเฉพาะเงินต้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำระดับ 4-7% โดยมีระยะเวลาผ่อนนานถึง 10 ปี ซึ่งจะทำให้ลดภาระผ่อนแต่ละงวดลดลง และ เมื่อผ่อนชำระเสร็จสิ้นตามสัญญาจะยกดอกเบี้ยค้างชำระให้ทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากปกติถ้าลูกหนี้เจรจากับเจ้าหนี้เดิม อาจถูกเรียกให้จ่ายคืนภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 6 เดือน จะกดดันชีวิตเครียดไปอีก
อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ที่เข้าโครงการนี้จะติดข้อจำกัด “ห้ามก่อหนี้ใหม่ในระยะ 5ปี”
สำหรับโครงการคลินิกแก้หนี้ เฟส 3 ปีนี้ ตั้งเป้ามีลูกหนี้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ราย จากปัจจุบันมีลูกหนี้เซ็นสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว จำนวน 3,194 ราย
ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการ คลินิกแก้หนี้ มีสถาบันการเงิน non-bank และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เป็นสมาชิกรวม 35 แห่ง เพราะฉะนั้นโครงการคลินิกแก้หนี้ ถือเป็น“เครือข่ายที่ช่วยเหลือประชาชนแก้หนี้บัตร” ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยธนาคารออมสินถือเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดที่เข้าร่วมโครงการฯ
ออมสินรับ “รีไฟแนนซ์”หนี้บัตรดีที่ทรุด -ดอกต่ำ
แบงก์ออมสินยังจัดเต็มเพิ่มการช่วยเหลือดูแล “ลูกหนี้ดี”ด้วยโครงการ refinance หนี้บัตรดี เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่คนที่มีวินัยและมีประวัติผ่อนชำระดีเยี่ยม โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 8.50-10.50% ตามความเสี่ยง ซึ่งเดิมต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง 18% – 28% พร้อมกับจะสนับสนุนให้ลูกค้านำเงินที่ประหยัดได้ในแต่ละเดือนจากการ refinance ไปเก็บออมไว้ เช่นซื้อสลากออมสินด้วย
ขณะที่นายโชคชัย คุณาวัฒน์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่าเริ่มเห็นลูกหนี้ดีประสบปัญหาการจ่ายหนี้แล้ว จึงได้ทำโครงการนี้ออกมารองรับด้วยวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดยจะช่วยผ่อนปรนภาระหนี้เป็นระยะเวลา 4 ปี คาดว่าจะให้รีไฟแนนซ์เฉลี่ย 1 แสนบาทต่อราย น่าจะเริ่มเปิดรับลูกหนี้ดีช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย. 2563 นี้ โดยลูกหนี้ดีที่มารีไฟแนนซ์จะไม่ติดข้อจำกัดด้านการก่อหนี้ใหม่เหมือนโครงการคลินิกแก้หนี้
“การแก้หนี้เสียและการ refinance หนี้บัตรดีจะสัมฤทธิ์ผลสูงสุด หากลูกหนี้ใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างวินัยทางการเงิน วางแผนชีวิต และใช้จ่ายอย่างเหมาะสมด้วย”
ธอส.อุ้มขรก.ลดอก0%6เดือน จ่าย50%ต่องวดตัดต้น
แบงก์รัฐอีกแห่งที่ร่วมด้วยช่วยกันออกมาตรการดูแลลูกหนี้ คือธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ที่เข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินในส่วนของบ้านที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ , พนักงานรัฐวิสาหกิจ, พนักงานองค์กรอิสระ และพนักงานองค์กรมหาชน) ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระตามเงื่อนไขการประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร หรือมีวันค้างชำระตั้งแต่ 61 วันขึ้นไป(ลูกหนี้ระดับ SM) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวนประมาณ 10,000 ราย ยอดเงินต้นคงเหลือ8,300 ล้านบาท
โดยลูกหนี้ SM ดังกล่าว จะได้ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี ในระหว่างการประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ เป็นระยะเวลา 6 เดือน พร้อมกับผ่อนชำระเงินงวด 50%ของเงินงวดตามสัญญาเดิม ซึ่งจะนำมาหัก “เงินต้น”ให้ด้วย โดยธนาคารจะติดตามดูผลการชำระเงิน 3 เดือน ก่อนพิจารณาจัดชั้นหนี้เป็นปกติ
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ความเหลื่อมล้ำ ในประเทศไทยสูงติดอันดับ 25 ของโลก รายได้คนรวยคนจนห่าง 10 เท่า