นายเบน โจว (Ben Zhou) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bybit แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่มีปริมาณการซื้อขายสูงเป็นอันดับสองของโลก กล่าวว่าจากผลสำรวจพฤติกรรมการนักลงทุนคริปโทรุ่นใหม่พบว่า 50% ให้ความสำคัญกับการใช้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่มีนโยบายรับผิดชอบสังคมและแบ่งปันสู่สังคมในทุกมิติ ผ่านนโยบายการบริหารที่เป็นธรรม คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งาน รวมถึงการมีนโยบายช่วยเหลือสังคมในทุกรูปแบบซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ Bybit ที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด
นายเบน โจว เน้นย้ำว่าคนรุ่นใหม่มีความเชื่อมั่นอย่างสูงในโครงการระดมทุนเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากไม่มีตัวกลาง ทำให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ว่าเงินบริจาคเข้าถึงผู้รับโดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความมั่นใจและผลักดันให้คนรุ่นใหม่พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมผ่านบล็อกเชน
“การใช้บล็อกเชนในโครงการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้Bybit ก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเป็นเครื่องมือส่งเสริมความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง” นายเบน โจว กล่าวเสริม
Bybitเชื่อว่านโยบายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันให้จำนวนลูกค้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 20 ล้านรายในปี 2566 เป็น 40 ล้านรายในปี 2567 และล่าสุดในปี 2568 มีจำนวนลูกค้าแตะ 60 ล้านราย
ฟังคลิป : Bull Run กลับมาแล้ว!! จับตา Bitcoin เดินหน้ากลับสู่ ATH
ล่าสุด Bybitได้บริจาคเงินกว่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติแผ่นดินไหว และปรับปรุงการเข้าถึงน้ำสะอาดและการรักษาพยาบาลในประเทศเมียนมาและประเทศไทยที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 แมกนิจูดที่เกิดขึ้นใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางในภาคกลางของเมียนมา และยังส่งแรงสั่นสะเทือนถึงหลายพื้นที่ในประเทศไทย ทำให้ชุมชนจำนวนมากในทั้งสองประเทศขาดแคลนสิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต
การส่งมอบความช่วยเหลือในเมียนมา Bybit ร่วมมือกับพันธมิตรในพื้นที่ได้แก่ Spring Development Bank, Myan Crypto, ANTS และ BybitMyanmar พร้อมด้วยคณะกรรมการบรรเทาเหตุแผ่นดินไหวด่วนแห่งเขตสะกาย เพื่อจัดหาน้ำสะอาด, กระจายอาหาร, เข้าถึงชุมชน และให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน
ในประเทศไทย Bybitได้ทำงานร่วมกับสภากาชาดไทย, มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิศิริราช โดยเงินบริจาคจะถูกนำไปใช้ในการจัดหาที่พักฉุกเฉิน, การรักษาพยาบาล, ภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงสนับสนุนการฟื้นฟูในระยะยาวสำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
ที่ผ่านมาBybit ได้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น การร่วมงานกับองค์กรระดับโลกอย่าง UNICEF เพื่อสนับสนุนโครงการด้านการศึกษาสำหรับเยาวชนหญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, โครงการอนุรักษ์เต่าทะเล, รวมถึงการมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในทิเบต และเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศสเปน
“ที่ Bybitเราเชื่อในพลังของชุมชน และความสำคัญของการยืนหยัดเคียงข้างกันในยามวิกฤต เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนับสนุนประชาชนในเมียนมาและไทย ผ่านพันธมิตรที่กำลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อชีวิต” นายเบน โจว กล่าวทิ้งท้าย
บทความที่เกี่ยวข้อง : Bitazza Thailand มองการผ่านกฎหมายสเตเบิลคอยน์ของสหรัฐอเมริกาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่