บิทาซซ่า

บิทาซซ่ามองบิทคอยน์ฟื้นตัวในไตรมาสสองหลังปรับตัวลงช่วงสั้นจากนโยบายภาษีตอบโต้ คาดนักลงทุนสถาบันสนใจลงทุนเพื่อชนะเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้น

โดย Admin .

ราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) และตลาดคริปโทเคอร์เรนซีปรับตัวลงแรงในช่วงต้นเดือนเมษายน 2568 จากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันที่เทขายหุ้นจากความกังวลเรื่องนโยบายภาษีตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม บิทาซซ่ามองว่า ช่วงไตรมาสสองยังมีปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนแนวโน้มราคาบิทคอยน์รออยู่ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่จะเกิดนโยบายการเงินผ่อนคลายจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ตลอดจนแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันที่ต้องการสินทรัพย์ที่สามารถชนะเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นหลังจากใช้นโยบายภาษีตอบโต้ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น

นายธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทย กล่าวว่า ราคาบิทคอยน์และตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากนักลงทุนสถาบันที่ปรับพอร์ตลงทุนตามแรงเทขายในตลาดหุ้นจากนโยบายภาษีตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยดัชนีตลาดหุ้นทั้งสามของสหรัฐฯ ทั้ง Dow Jones, S&P500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวลงแรงในระดับ 10% ขณะที่บิทคอยน์ปรับตัวลงในระดับ 5%

“แม้บิทคอยน์จะมีคุณสมบัติคล้ายกับทองคำ แต่ตามสถิติแล้ว ราคาบิทคอยน์มีค่าความสัมพันธ์กับดัชนี Nasdaq ในระดับ 0.70% ถือว่ามีความสัมพันธ์กันในระดับสูง หากหุ้นเทคโนโลยีถูกเทขาย บิทคอยน์ก็จะถูกเทขายตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในเชิงพื้นฐาน บิทคอยน์ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายภาษีตอบโต้ จึงมองว่ามีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในช่วงหลังจากนี้ หลังจากมีการประกาศเลื่อนนโยบายดังกล่าวออกไป 90 วันยกเว้นประเทศจีน”

ฟังคลิป เจาะความสัมพันธ์ราคา Bitcoin กับดัชนี Nasdaq ความเหมือนที่แตกต่าง

ณ วันที่ 10 เมษายน 2568 ราคาบิทคอยน์ฟื้นตัวขึ้น 8% แตะระดับ 83,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราคาต่ำสุดใน 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 75,754.06 ดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinMarketCap) โดยปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจในบิทคอยน์ คือ คุณสมบัติของการเป็นเครื่องเก็บรักษามูลค่า (Store Of Value) ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ในระยะยาวและสามารถสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ โดยผลกระทบนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ อาจทำให้เงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นจากต้นทุนของสินค้าที่เพิ่มขึ้น บิทคอยน์อาจเป็นสินทรัพย์ที่เม็ดเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาเพื่อที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้เช่นกัน

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนราคาบิทคอยน์ คือ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจจะเข้าสู่แนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้นจากการลดดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยประกาศไว้ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอีกสองครั้ง แต่ล่าสุดตัวชี้วัดอย่าง FEDWatch Tool ส่งสัญญาณว่านักลงทุนในตลาดมองว่า มีโอกาส 57% ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีการลดดอกเบี้ยจริง จะเป็นการผลักดันราคาบิทคอยน์ได้

ไตรมาสสองนี้ยังมีปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนราคาบิทคอยน์จากการรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อย่างเป็นทางการของพอล แอตกินส์ ซึ่งจะทำให้กฎระเบียบและการส่งเสริมคริปโทเคอร์เรนซีมีการอนุมัติจริงเกิดขึ้น รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) น่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือนสิงหาคมปีนี้ ตลอดจนความชัดเจนของวิธีการเข้าซื้อบิทคอยน์ใหม่เข้ามาในทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดให้กลับมาได้

“ภาพรวมมองว่า ช่วงไตรมาสสองนี้น่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับการทยอยสะสมบิทคอยน์ในระยะยาว โดยหากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ ที่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มมีความชัดเจนเชิงบวก ราคาบิทคอยน์น่าจะฟื้นตัวได้โดยมีแรงหนุนคือนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มผ่อนคลายและกฎระเบียบด้านคริปโทเคอร์เรนซีที่จะเริ่มเข้าสู่การปฎิบัติจริง”

สำหรับนักลงทุนที่มองหาแพลตฟอร์มลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล บิทาซซ่า ซึ่งได้รับใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลังและได้รับการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. มีการเชื่อมต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลจากแพลตฟอร์มซื้อขายระดับโลก ทำให้มีสภาพคล่องซื้อขายที่เพียงพอต่อการรองรับความผันผวนของตลาดได้

นอกจากนี้ ยังมีการจับมือกับพันธมิตรด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นผู้สร้างเหรียญสเตเบิลคอยน์ระดับโลกเพื่อให้ความรู้ด้านการลงทุนกับนักลงทุนไทย ตลอดจนมีโปรเจกต์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในการเสริมความรู้ให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitazza Thailand จับมือ Tether สร้างศูนย์กลางความรู้สเตเบิลคอยน์ในไทย

Related Posts