Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Nvidia ได้ขึ้นเวทีในงาน CES2025 สหรัฐฯ ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตรกรรมระดับคอนซูเมอร์ที่ใหญ่ทีสุดในโลก พูดถึงพัฒนาการต่อไปของเอไออย่าง Physical AI รวมถึงสิ่งที่ Nvidia จะมุ่งหน้าต่อหลังจากนี้
Physical AI คือ ก้าวต่อไปของเอไอ
ยุคของเอไอได้เริ่มต้นจากการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM ทำให้เกิดโปรแกรมเอไอแชทบอทขึ้นจำนวนมากและคาดว่าปีนี้จะเริ่มต้นเข้าสู่ยุคของ Agent AI แต่ Jensen ชี้ให้เห็นยุคต่อไปนั่นคือ Physical AI ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่า Embodied AI กล่าวคือเป็นเอไอที่เข้าใจสิ่งที่อยู่รอบตัวในโลกแห่งความจริงเชิงกายภาพ เหนือไปกว่าการเข้าใจข้อความและรูปภาพที่มีอยู่ในตอนนี้ ตัวอย่างเช่นแรงสัมผัส แรงเสียดทาน แรงกระแทก พฤติกรรมของสิ่งของวัตถุต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกที่เราอาศัยอยู่เอไอจะมีความเข้าใจทั้งหมด
Nvidia จึงได้พัฒนาโมเดล Nvidia Cosmos ซึ่งเรียนรู้ความเข้าใจและข้อมูลของสิ่งที่เกิดขึ้นในเชิงกายภาพที่มีบนโลกจำนวนหลายสิบล้านชั่วโมงเข้าไป พูดง่ายๆว่าเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือจำลองโลกนั่นเอง
เมื่อมีโมเดลนี้ก็จะสามารถสร้างและจำลองสภาพแวดล้อมในโลกในเชิงกายภาพได้สมจริงมากยิ่งขึ้นจุดประสงค์เพื่อนำไปสร้าง Synthetic Data หรือภาพวิดีโอเสมือนที่เหมือนจริง เท่ากับว่าไม่จำเป็นต้องนำเอไอใช้ทดสอบในสถานการณ์จริงเช่นในเมืองหรือท้องถนนอีหต่อไป แต่ทดลองผ่านโมเดล Cosmos และนำมาใช้งานจริงได้เลย
ฟังคลิป “เจาะลึก Agent AI เมื่อปัญญาประดิษฐ์ฉลาดใกล้เคียงมนุษย์” ได้ที่ลิงค์นี้
Nvidia Cosmos จะถูกนำไปใช้งานเพื่อเทรนเอไอประเภท Robotics หรือ Autonomous System ต่าง ๆ เช่นการใช้หุ่นยนต์เพื่อการผลิตในโรงงาน ต่อไปหุ่นยนต์จะสามารถหยิบจับวัตถุดิบมาผลิตได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะมาปฎิวัติการผลิตในระดับอุตสาหกรรมระดับโลกเลยทีเดียว
มีการเปิดเผยว่าบริษัทชั้นนำด้านหุ่นยนต์และยานยนต์ เช่น 1X, Agile Robots, Agility, Figure AI, Foretellix, Fourier, Galbot, Hillbot, IntBot, Neura Robotics, Skild AI, Virtual Incision, Waabi และ XPENG เป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะนำ Cosmos มาใช้อีกด้วย
Physical AI นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์
การนำ Physical AI มาใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมคือการใช้พัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์โดยเฉพาะระบบขับขี่อัตโนมัติต่างๆ โดยในงาน CES2025 ค่ายรถยนต์ระดับโลกอย่าง Toyota ได้ประกาศความร่วมมือกับ Nvidia เพื่อพัฒนาระบบปฎิบัติการ Drive AGX ใช้ในรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติและระบบปฏิบัติการที่เน้นความปลอดภัย DriveOS
นอกจากนี้ Uber และ NVIDIA ยังประกาศความร่วมมือในการพัฒนาโซลูชันใหม่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยการเดินทางหลายล้านครั้งเกิดขึ้นทุกวันบน Uber แสดงถึงแหล่งข้อมูลที่กว้างใหญ่และมากมายที่บริษัทต่างๆ จะมองหาการจับคู่กับแพลตฟอร์ม NVIDIA Cosmos™ และ NVIDIA DGX™ Cloud เพื่อช่วยให้พันธมิตร AV สร้างโมเดล AI ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำความรู้จัก Agent AI เมื่อปัญญาประดิษฐ์มีตัวตนและความคิดเป็นของตัวเอง
ขณะเดียวกัน Nvidia ยังร่วมมือกับบริษัทพัฒนาด้าน Robotics อย่าง Arbe Robotics เพื่อปรับปรุงการทำแผนที่พื้นที่ว่างและความสามารถที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ Arbe วางแผนที่จะรวมเรดาร์ความละเอียดสูงเข้ากับแพลตฟอร์มการประมวลผลในรถยนต์ Drive Agx ของ Nvidia สำหรับการทำแผนที่พื้นที่ว่างด้วยเรดาร์ เพื่อใช้กับการขับขี่แบบแฮนด์ฟรีและแอปพลิเคชันด้านความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ ขณะที่บริษัท Cerence Inc. ประกาศความร่วมมือด้านยานยนต์กับNvidia รวมถึง Aurora Innovation, Continental และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวในวันนี้เพื่อใช้งานรถบรรทุกไร้คนขับ
รัน Agentic AI ง่ายๆในบ้าน
ขณะที่ฝั่ง Agent AI ซึ่งจะเป็นเทรนด์ในปีนี้ Nvidia ได้เปิดตัวโปรเจกต์ DIGITS ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดเล็ดที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการประมวลผลระดับสูง
โดยมีโครงสร้างหลัก คือ ซูเปอร์ชิป NVIDIA GB10 Grace Blackwell ตัวใหม่ที่เชื่อมต่อกับ NVIDIA Grace CPU 20 Core ทำให้สามารถประมวลผลและรันโมเดลเอไอขนาดใหญ่ได้มีประสิทธิภาพสูงโดยสามารถรันโมเดลได้สูงถึง 200 พันล้านพารามิเตอร์ พร้อมหน่วยความจำรวม 128GB และที่เก็บข้อมูล NVMe สูงสุด 4TB ด้วย
DIGITS ถือเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่เล็กที่สุดในโลกในขณะนี้มีพลังการประมวลผลระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในขนาดแค่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะโดย DIGITS จะสนับสนุนวิศวกรซอฟต์แวร์ องค์กรผู้วิจัย AI นักวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักเรียนและศิลปินสร้างสรรค์ทุกคนมีแผนวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ในราคาเริ่มต้นที่ 3,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 100,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี NVIDIA AI Blueprints สำหรับการสร้างแอปพลิเคชัน Agent AI ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกสร้าง Agent AI ของตนเอง สำหรับการทำงานเฉพาะทางด้านต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น นักพัฒนาสามารถสร้างและปรับใช้เอเจนต์ AI แบบกำหนดเองได้ โดยเอเจนต์ AI จะสามารถคิด วางแผน และดำเนินการเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว สรุป และกลั่นกรองภาพ วิดีโอ ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ได้แล้วแต่คำสั่ง
Nvidia ยังได้เตรียมตัวอย่างของ Agent ไว้แล้วสำหรับงานด้าน AI Research Assistant, Financial Analyst, หรือ Factory Operation Agent นักพัฒนาหรือผู้ใช้งานทั่วไป ไม่ต้องต่อ Agent เอง แต่ปรับแต่งตามที่ต้องการได้ทันที ทำให้ยิ่งใช้งานได้ง่ายขึ้น
ย่อส่วนสถาปัตยกรรม Blackwell มาใช้กับอุตสาหกรรมเกมส์
ก่อนหน้านี้ Nvidia เคยมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเกมส์มาก่อน และภายในงาน CES2025 Nvidia ได้เปิดตัวชิปใหม่ GeForce RTX 50-series สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและแล็ปท็อปราคาตั้งแต่ประมาณ 550 ถึง 2,000 ดอลลาร์ โดยใช้สถาปัตยกรรม Blackwell เดียวกันกับที่รองรับโปรเซสเซอร์ AI ที่เร็วที่สุดของบริษัทสำหรับเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล
ชิปใหม่ GeForce RTX 50-series จะถูกนำไปใช้กับอุตสาหกรรมเกมส์เป็นหลักโดยมีความสามารถในการเพิ่มอัตราเฟรมของเกม นอกจากนี้ยังสามารถแสดงใบหน้าของตัวละครได้ละเอียดมากขึ้น และโดยทั่วไปจะให้กราฟิกที่ดีขึ้นและความละเอียดที่สูงขึ้นแก่ผู้ใช้
โดยชิปที่แพงที่สุดและทรงพลังที่สุดคือ RTX 5090 จะขายแยกในราคา 1,999 ดอลลาร์ และเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า RTX 4090 ถึงสองเท่า Nvidia กล่าวว่าภายในมีทรานซิสเตอร์ 92 พันล้านตัว เทียบกับทรานซิสเตอร์ 208 พันล้านตัวใน B200 GPU ของบริษัทสำหรับเซิร์ฟเวอร์
ปิดท้ายด้วยประโยคเด็ดของ Jensen Huang ในงานที่กล่าวว่า “Software is eating the world, but AI is going to eat software” หรือ “ซอฟท์แวร์กำลังครองโลก แต่ AI กำลังจะครอบครองซอฟท์แวร์” หลังจากนี้ต้องจับตา Nvidia จะนำทิศทางของโลกเอไอไปในทิศทางใด โดยมี Physical AI คือ เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง