การหารือดังกล่าวมีขึ้น ณ Crypto Valley เมือง Zug ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมบล็อคเชนของโลกรวมถึงได้หารือกับโปรเจกต์ Web3.0 ระดับโลกอย่าง Near protocol, Polkadot และ Web3 Foundation ในการพัฒนาระบบนิเวศน์บล็อคเซนและ Web3.0 ในไทยร่วมกัน
ผู้บริหารของ CCC นำโดย ดร นที เทพโภชน์,แพทย์หญิง นวพร นลิตา และคณะ ได้รับเกียรติจากทางสำนักงานนวัตรกรรมแห่งชาติหรือ NIA นำโดย ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ, ดร.สุรอรรถ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ และคณะ ประชุมหารือกับ Crypto Valley Venture Capital (CVVC) และ CV LAB ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนรายใหญ่ ณ เมือง Zug ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา
บทความที่เกี่ยวข้อง : SPHERE (AS) ผนึก BIG BANG THEORY เปิด Metaverse as a service รายแรกของโลก
เนื้อหาของการพูดคุยประกอบไปด้วยการหารือในการสร้างความร่วมมือของหน่วยงานจากทั้งสองประเทศในการพัฒนาย่านนวัตกรรม Web 3.0 (Web 3.0 Innovation District; W3ID) ที่ประเทศไทย,การตั้งศูนย์เร่งวิสาหกิจเริ่มต้น (Accelerator) ด้านธุรกิจบล็อคเชน รวมถึงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจและต่อยอดแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการทั้ง 2 ประเทศ
โดยทั้ง CVVC และ CV LAB เริ่มต้นจากการสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และได้เริ่มขยายความร่วมมือเข้าสู่ทวีปแอฟริกาและกำลังมุ่งความสนใจมายังประเทศไทยด้วยมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ได้
หลังจากนี้ทั้งสำนักงานนวัตรกรรมแห่งชาติและ CCC จะร่วมมือกันพัฒนาระบบนิเวศน์บล็อคเชนในไทยเพื่อตั้งเป้าสู่การเป็นศูนย์กลางระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านบล็อคเชนระดับโลกในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้เมือง Zug ประเทศสวิตเซอร์แลนด์คือศูนย์กลางของเทคโนโลยี Web 3.0 ด้วยความที่นโยบายของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่อนข้างเอื้อกับการพัฒนาโปรเจกต์ Web 3.0 รวมถึงความสำเร็จกับมูลค่าเกินกว่าหลายหมื่นล้านบาทของโปรเจกต์ชั้นนำ 50 โปรเจกต์ในระบบนิเวศน์ของ Crypto Valley Venture Capital หรือ CVVC
บทความที่เกี่ยวข้อง : Web3 คืออะไร?? ทำไมถึงเป็นโอกาสใหม่ของภาคธุรกิจ
ด้าน CCC หลังจากที่ได้ศึกษาการสนับสนุนเทคโนโลยีด้านบล็อคเชนของ Crypto Valley ณ เมือง Zug ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาจนนำไปสู่การจัดตั้งโปรเจกต์ Chiangmai Crypto City ที่ได้นำร่องศึกษาเทคโนโลยีบล็อกเชนไม่ว่าจะเป็น DAO และ NFT มาใช้กับชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่จนประสบความสำเร็จ ทำให้โครงการได้ยกระดับตัวเองและรีแบรนด์สู่การเป็น Crypto City Connext ในปัจจุบัน
หลังจากเปิดตัวมาหนึ่งปี Crypto City Connext ( CCC ) เติบโตอย่างรวดเร็ว และได้ก้าวตามหมุดหมายที่ตั้งไว้ ทั้งการร่วมมือกับภาครัฐเพื่อนำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้กับระบบเศรษฐกิจและการบริหารงานจริง อย่างเช่นโปรเจกต์ Dao platform ได้มีร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ( บพท ) และโปรเจกต์ NFT เพื่อการท่องเที่ยวซึ่งร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ( NIA )
CCC ยังได้ร่วมกับทาง Depa หรือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จัดงาน Chiangmai Web 3.0 & Metaverse เพื่อส่งเสริมความรู้ด้าน Web3และเวทีในการ เฟ้นหา Unicorn Startup ไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว และได้รับเกียรติจากโปรเจกต์ในไทยที่กำลังมาแรงคือ Big Bang theory ระบบเมตาเวิร์ส ที่สามารถ Customize Business Function ซึ่งเป็นบริการแรกของโลก และ D – Vote ระบบบล็อคเชนติดตามผลการเลือกตั้งในไทยที่ประสบความสำเร็จจากการติดตามผลการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา ล่าสุด คาดว่าจะมีความคืบหน้าของโปรเจกต์ดังกล่าวภายในไตรมาสสามของปีนี้