หุ้น Tesla ปรับตัวลงมาแล้วในปีนี้กว่า 60% แม้จะเป็นการปรับตัวลงตามภาวะตลาด แต่ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาหุ้นลงมาถึงขนาดนี้มาจากตัวผู้ก่อตั้งอย่าง Elon Musk คำถามคือ หุ้น Tesla ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่??
บทความที่เกี่ยวข้อง : หุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ศูนย์กลางแห่ง Disruptive Technology
วิกฤติศรัทธาในตัวผู้ก่อตั้ง
หนึ่งในสาเหตุที่ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงมาอย่างหนักนอกเหนือจากภาวะเศรษฐกิจและนโยบายการเงินแล้วคือการที่ผู้ก่อตั้งอย่าง Elon Musk ในช่วงหลังหลุดโฟกัสกับการบริหาร Tesla ไปกับเรื่องอื่นอย่างมากโดยเฉพาะการเข้าไปเทคโอเวอร์ Twitter และแทบจะไม่ได้เข้าไปบริหารบริษัทฯ Tesla เลย
ล่าสุด Elon Musk ได้ขาย หุ้น Tesla ออกมาอีกลอตใหม่ถึง 19.5 ล้านหุ้น เป็นมูลค่านับ 3,950 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี 2565 มัสก์ได้เทขายหุ้นเทสลาไปแล้ว 2 ครั้ง โดยในเดือนเมษายน 2565 ขายไปแล้ว 8,500 ล้านดอลลาร์ และเดือนสิงหาคม ขายอีก 7,000 ล้านดอลลาร์ น่าจะเป็นสาหตุใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนอื่นเทขายหุ้น Tesla ออกมาตาม
โครงสร้างธุรกิจและงบการเงินของ Tesla
รายได้หลักของ Tesla ไม่ได้ซับซ้อนโดยกว่า 87% คือรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้า ที่เหลือ 7% คือค่าบริการและ 5% มาจากธุรกิจแบตเตอรี่และสตอเรจโดยยอดขายส่วนใหญ่ยังอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป
งบการเงินล่าสุดในไตรมาสที่สามของปี 2565 รายงานยอดการผลิตรวม 366,000 คัน สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 54% และยอดส่งมอบรถยนต์ 344,000 คัน สูงขึ้น 42% จากปีก่อน รายได้รวมเติบโต 56% อยู่ที่ 21,500 ล้านดอลลาร์
อัตราส่วนการเงินมี Gross Margin 25% และ Operating Margin 17% กำไรต่อหุ้นโต 69% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.05 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 0.04 ดอลลาร์
จุดเด่นของ Tesla คือค่อนข้างเป็นบริษัทที่ Lean โดยมี Operting Expense ล่าสุดอยู่ที่ 17,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ของรายได้และค่าใช้จ่าย R&D เพียงแค่ 3% ของรายได้รวม ทำให้อัตรากำไรของ Tesla เหนือกว่าบริษัทผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมทั้งหมดและดีกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นใน S&P500
ปัจจุบัน Tesla มีค่า P/E อยู่ที่ 42 เท่า ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม แต่ถ้ามองว่าเป็นธุรกิจเทคโนโลยีก็อาจจะไม่ได้สูงมาก ขณะที่มีผลตอบแทน ROE อยู่ที่ 33%
กราฟเทคนิคของหุ้น Tesla
นับตั้งแต่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่ 414 ดอลลาร์ ราคาหุ้น Tesla เป็นขาลงอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าหนึ่งปี ถ้าหากใช้เครื่องมืออย่าง Fibonaci Retracement จะเห็นว่าราคามีโอกาสลดลงมาได้ถึงระดับ 78.6% ที่ 108 ดอลลาร์ เลยทีเดียวและถึงตอนนี้ยังไม่มีจุดกลับตัวแต่อย่างไร
อย่างไรก็ตามถ้านับเคลื่อน Elliot Wave จะเห็นว่าหุ้น Tesla กำลังปรับตัวลงในเวฟ2 ใหญ่เท่านั้น และการขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังเป็นแค่เวฟ1 ใหญ่เท่านั้น แสดงว่าถ้าราคาหุ้นสามารถกลับตัวจากขาลงได้ มีโอกาสสูงที่ราคาหุ้นจะทำเวฟ3 ใหญ่ซึ่งหมายถึงการทำ All Time High ใหม่ ทั้งนี้หุ้น Tesla ยังเป็นขาลงและไม่มีจุดกลับตัวแต่อย่างไร
สรุปแล้วยังน่าลงทุนไหม??
หากวิเคราะห์ในเชิงธุรกิจ Tesla อยู่ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่าง EV ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้สูงอยู่แล้ว ส่วนงบการเงินก็ดีขึ้นเรื่อยๆและมีจุดเด่นที่อัตรากำไรค่อนข้างสูงและเป็นบริษัทที่คุมต้นทุนได้ดี ในเชิงพื้นฐานจึงไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างไร
แต่ในเชิงจิตวิทยาการที่ Elon Musk ยังมุ่งมั่นกับบริษัทใหม่อย่าง Twitter จนไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Tesla เท่าที่ควรแถมยังขายหุ้นตัวเองออกมาอีก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้นและนโยบายการเงินของ FED ที่ยังคงเคร่งครัด เป็นปัจจัยลบที่กดดันราคาหุ้น Tesla
ถึงอย่างไรถ้าหาก Elon Musk กลับมาโฟกัสที่ Tesla และเศรษฐกิจสหรัฐฯหลุดพ้นจากความเสี่ยง Recession ตลอดจนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง หุ้น Tesla อาจจะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น เพราะพื้นฐานของธุรกิจมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว
ปล. บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน
สนใจเรียนหลักสูตรออนไลน์ด้านการลงทุนคลิ๊กที่นี้