Price Pattern คือ รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นจากการเรียงตัวของแท่งเทียนซ้ำจนเป็นรูปแบบชัดเจนซึ่งสามารถนำมาใช้วิเคราะห์แนวโน้มของราคาเพื่อวางแผนการเทรดได้ ขณะที่ Trend Line คือ เส้นที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของราคาและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจซื้อขาย ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่ใช้ได้ทั้งการเทรดระยะสั้นและระยะยาว
บทความที่เกี่ยวข้อง : กลยุทธ์ทำกำไรรายวันแบบ Daytrade
Trend Line ใช้กำหนดทิศทางแนวโน้มราคา
Trend Line สามารถที่จะแบ่งได้ 3 รูปแบบตามแนวโน้มของราคา
ชาแนลราคาขาขึ้น
รูปแบบของชาแนลจะเป็นการยกจุดต่ำสุดขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่ขึ้นต่อเนื่อง โดยสามารถเข้าซื้อได้ที่แนวรับของเส้น Trend Line ด้านล่างหากไม่หลุดต่ำกว่าเส้นดังกล่าวและสามารถขายที่แนวต้านด้านบนหรือใช้ในการถือ Run Trend ระยะยาวได้เช่นกัน
ชาแนลราคาขาลง
ตรงข้ามกับชาแนลขาขึ้นคือรูปแบบราคาจะเป็นการสร้างจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่องและไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ สำหรับนักเทรดที่ไม่สามารถใช้ Futures ทำกำไรขาลงได้ หากเกิดรูปแบบดังกล่าวจะต้องชะลอการลงทุนออกไปก่อน
ชาแนลออกข้าง
คือรูปแบบของราคาที่ Sideway ออกด้านข้างซึ่งสามารถตีเส้น Trend Line แบบแนวนอนและใช้ด้านล่างของเส้นเป็นจุดซื้อและขายที่แนวต้านด้านบนได้
ทั้งนี้หากราคามีการหลุดเส้น Trend Line ด้านล่างลงมาในเชิงกลยุทธ์จำเป็นต้องมีการตัดขาดทุนหรือ Cut Loss ออกไปก่อน เนื่องจากอาจจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลงได้ ขณะเดียวกันหากมีการทะลุ Trend Line ด้านบนขึ้นไปในขณะที่เป็นขาลงก็จะถือเป็นการ Breakout เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
รูปทรง Trend Line ขากด
หากราคาเป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สามารถที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่และสร้างจุดต่พสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจนสามารถตีเส้น Trend Line จากจุดสูงสุดลงมาจนถึงจุดล่างสุดเหมือนเป็นเส้นที่กดแนวโน้มราคาเอาไว้ หากเกิดรูปแบบนี้จะยังไม่สามารถเข้าซื้อได้จนกว่าราคาจะมีการ Breakout เส้น Trend Line ขากดนี้ออกไปได้ซึ่งจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
ยิ่งสัมผัสหลายจุด Trend Line ยิ่งแม่นยำ
หลักการตีเส้น Trend Line ให้มีความแม่นยำจะต้องมีจุดตัดของราคาตั้งแต่สองจุดขึ้นไปและถ้าจุดตัดของเส้นยิ่งมีการสัมผัสหลายจุด ความแม่นยำของการใช้ Trend Line นั้นๆจะมีมากขึ้น ซึ่งนักเทรดอาจจะต้องใช้ประสบการณ์ในการอ่านทิศทางของราคาให้ออก
ใช้ Price Pattern วางแผนการเทรด
Price Pattern มีอยู่ด้วยกันหลายสิบรูปแบบ แต่รูปทรงหลักๆที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยจะมีอยู่ประมาณ 3-4 รูปแบบ ประกอบไปด้วย
ทรงสามเหลี่ยมบีบตัว Ascending Triangle และ Descending Triangle
หากราคามีการบีบตัวลงแต่มีการสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้จนสามารถทะลุกรอบด้านบนขึ้นไปเป็นขาขึ้นจะเรียกทรงนี้ว่า Ascending Triangle ซึ่งหากราคามีการบีบตัวมากเท่าไร การปรับตัวขึ้นต่อของราคาจะแรงมากเท่านั้น
แต่หากราคามีการบีบตัวลงโดยไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้จนกระทั่งราคาหลุดแนวรับและพลิกเป็นขาลง เราจะเรียกทรงแบบนี้ว่า Descending Triangle ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในภาวะที่ตลาดเป็นขาลง
ทรง Cup And Handle
รูปทรงของราคาจะเป็นรูปแบบถ้วยก้นลึกและมีหูถ้วย โดยราคาจะมีการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดขึ้นมาแตะแนวต้านแนวนอนแต่จะยังไม่ผ่านในครั้งแรกและการย่อตัวลงมาเล็กน้อยก่อนที่จะตั้งทรงเพื่อจ่อ Breakout แนวต้านเดิมอีกรอบและมักจะผ่านในครั้งที่สอง
ทรง Head And Shoulder
รูปทรงของราคาจะคล้ายกับคนที่มีไหล่สองข้างและหัวซึ่งไหล่สองข้างมักจะมีความสูงที่ใกล้เคียงกันทำให้เรียกทรงนี้ว่า Head And Shoulder และยังมีทรงที่หัวกับไหล่กลับข้างลงด้านล่างซึ่งจะเรียกว่า Invert Head And Shoulder
ทั้ง Price Pattern และ Trend Line เป็นเครื่องมือการลงทุนที่อาจต้องอาศัยประสบการณ์ของนักเทรดในการวิเคราะห์หารูปทรงของราคาเพื่อใช้เป็นจุดซื้อจุดขาย เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ไม่ได้เป็นรูปแบบตายตัวเหมือนกับการใช้งาน Indicator ที่ใช้สถิติเก่ามาคำนวน นักเทรดที่สนใจใช้เครื่องมืออย่าง Price Pattern และ Trend Line จึงต้องฝึกฝนการอ่านทิศทางราคาให้ออกจึงจะสามารถใช้เครื่องมือดังกลาวได้อย่างแม่นยำ
ศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้