Web3.0 คือ อินเทอร์เนตในยุคที่สามซึ่งมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การกระจายศูนย์กลางไปยังผู้ใช้งานแทนที่จะรวมศูนย์ไว้ที่แพลตฟอร์ม เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์คอนเทนท์และสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนรวมถึง DeFi และ NFT
แน่นอนว่าเป็นโอกาสการลงทุนใหม่ๆด้วยเช่นกัน เราเริ่มได้เห็นโปรเจกต์บล็อกเชนใหม่ๆที่มุ่งเน้นพัฒนาทางด้านอินเทอร์เนตยุคที่สามเริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแต่ Metaverse แต่เป็นอินเทอร์เนตที่คนทั่วโลกใช้กันในชีวิตประจำวันที่กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ความเป็น Decentralized
มาทำความรู้จักันว่า Web3.0 คือ อะไรและจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราอย่างไรต่อไปโดยเริ่มจากทำความรู้จักกับอินเทอร์เนตในอดีตและปัจจุบันก่อน
บทความที่เกี่ยวข้อง : Cryptocurrency และ NFT เข้ามาทำให้ Metaverse สมบูรณ์แบบได้อย่างไร
Web1.0 Communication Era
อินเทอร์เนตในยุคแรกช่วงปี 1990 เริ่มต้นมาจากการเกิดขึ้นของเวบไซต์ อีเมล Search Engine รวมไปถึง Web Board ต่างๆ โดยยังเน้นไปที่การสื่อสารทางเดียวเป็นหลัก เช่น ถ้าเราต้องการจะค้นข้อมูลต่างๆก็พิมพ์ www ตามด้วยเวบไซต์ที่เกี่ยวข้อง หรือพิมพ์ Key Word ใน Search Engine อย่าง Yahoo
การตื่นตัวในเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้เกิดเวบไซต์ต่างๆขึ้นมากมายและสามารถที่จะระดมทุนเข้าตลาดหุ้นได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะยังพัฒนาไม่เสร็จเลยก็ตาม ทำให้เกิดวิกฤติที่เรียกว่า “ฟองสบู่ดอทคอม”
แม้ในช่วงหลังจะเริ่มเกิดกระแสของ Web Board ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้ามาตั้งกระทู้และแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างในประเทศไทยก็มี Pantip แต่โดยหลักๆแล้วอินเทอร์เนตในยุคแรกทำได้เพียงแค่สื่อสารกันผ่านข้อความและรูปภาพเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : Gala Game ตลาดรวม NFT Games ที่สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income
Web2.0 Platform Era
พอเข้าสู่ยุค 2000 เป็นต้นมา อินเทอร์เนตได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Software Developer เริ่มทีจะสร้างสิ่งที่เรียกว่าแพลตฟอร์มขึ้น เช่นเวบไซต์ที่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถทำได้มากกว่าเพียงแค่การสื่อสาร อย่างเช่น สามารถรับชำระเงินได้ มีการโต้ตอบกับผู้เข้าชมเวบไซต์และสามารถสื่อสารได้สองทาง
รวมถึงการเกิดขึ้นของแอปพลิเคชั่นต่างๆบนสมาร์ทโฟนโดยได้รับแรงหนุนจากการเกิดขึ้นของไอโฟนรุนแรก จนทำให้เกิดระบบปฎิบัติการณ์ไอโอเอสและแอนดรอยด์ ที่สำคัญคือเกิดสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงโลกอินเทอร์เนตจนถึงปัจจุบันนั่นคือสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
แพลตฟอร์มอย่าง Facebook กลายมาเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกต้องเปิดมาดูเป็นสิ่งแรกหลังตื่นนอน ตามมาด้วย Twitter,Youtube,Tiktok นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ Content Creator สามารถเข้ามาทำคอนเทนท์และรับส่วนแบ่งรายได้อีกด้วย
Pain Point ในโลกอินเทอร์เนต
ก่อนจะเข้าไปพูดถึง Web3.0 คือ อะไร เรามาดูจุดด้อยหรือ Pain Point ที่เกิดขึ้นกับอินเทอร์เนตในช่วงที่ผ่านมาก็คือเจ้าของแพลตฟอร์มที่มีอำนาจอยู่ในมือเข้ามาแทรกแซงหรือกำหนดรูปแบบวิธีการใช้งานของ Users ในแพลตฟอร์มของตัวเองมากจนเกินไป หรือเลยเถิดไปถึงขั้นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Facebook ที่ถูกโจมตีในประเด็นนี้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการปลอมแปลงหลอกลวงเช่น Fake Accounts,Fake News ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในโลกออนไลน์ การแทรกแซงโดยรัฐบาล ฯลฯ รวมถึงการแพลตฟอร์มออนไลน์เก็บค่าธรรมเนียมหรือส่วนแบ่งจากค่าโฆษณาออนไลน์ในระดับที่สูงเกินไป
Web3.0 Ownership and Decentralize Era
เพื่อที่จะแก้ไข Pain Point ที่เกิดขึ้นในโลกอินเทอร์เนตปัจจุบัน Web3.0 จึงเกิดขึ้น โดยคอนเซบท์จะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องของการกระจายศูนย์หรือ Decentralized หรือตั้งอยู่บนหลักการของ Ownership หรือผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินบนโลกออนไลน์เป็นของตัวเอง
กล่าวคือเป็นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนตลอดจน Cryptocurrency,Digital Token รวมถึง DeFi และ NFT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอินเทอร์เนตนั่นเอง
รวมถึงการที่เจ้าของแพลตฟอร์มเข้ามาควบคุมดูแลจัดการทุกอย่าง เช่น Facebook มีสิทธิที่จะแบนเนื้อหาต่างๆ ปิดกั้นการเข้าถึง ตลอดจนเข้ามาควบคุมเนื้อหาภายในแพลตฟอร์มได้ด้วยตัวเอง หากเจ้าของแพลตฟอร์มต้องการที่จะกำจัดเราออกไปก็สามารถทำได้
ขณะที่ Content ต่างๆที่เราสร้างขึ้นใน Facebook จะไม่สามารถนำออกไปนอกแพลตฟอร์มได้และถ้า Facebook แบนบัญชีของเราโอกาสที่จะได้สิ่งที่สร้างไว้คืนมาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ Web3.0 จะทำให้เกิดสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ได้มีจุดรวมศูนย์กลางอีกต่อไป แต่คนในชุมชนจะทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบซึ่งกันและกัน เหมือนกับ DeFi หรือการเงินไร้ตัวกลางที่เปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกรรมต่างๆได้ นอกจากนี้ผู้ใช้งานมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์บนโลกดิจิทัลของตัวเองผ่านการแปลงให้เป็น NFT ซึ่งสามารถส่งต่อหรือซื้อขายกันได้อย่างอิสระ
ที่สำคัญยังมีโอกาสที่จะสร้างรายได้จากโลกออนไลน์จากการสร้างคอนเทนท์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลโดยที่ผู้สร้างแพลตฟอร์มไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแบ่งรายได้ในระดับที่สูงเหมือนกับสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : The Sandbox เกมส์ NFT ที่น่าจับตามากที่สุดบนกระแส Metaverse
Metaverse กับการเป็นส่วนหนึ่งของ Web3.0
กระแสของ Metaverse ที่มาแรงในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นส่วนหนึ่งของ Web3.0 เช่นกัน เพียงแต่ Metaverse มีความโดดเด่นในแง่ของคอนเทนท์ที่มีความละเอียดสูงเช่นมีภาพสามมิติสมจริง ขณะที่ Web3.0 ได้ครอบคลุมถึงโลกอินเทอร์เนตในปัจจุบันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเวบไซต์ แอปพลิเคชั่น คลาวด์ ระบบปฎิบัติการ ฯลฯ กล่าวคือ Metaverse ถือเป็น Subset หนึ่งของ Web3.0 เท่านั้น
Web3.0 กับโลกของการลงทุน
นอกเหนือจากมุมในเชิงของการสื่อสารแล้ว Web3.0 ยังเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนอีกด้วย เช่นเดียวกับ DeFi หรือแพลตฟอร์มการเงินแบบไร้ตัวกลางที่มีโปรดักต์การลงทุนอย่างเช่น Yield Farming หรือจะเป็น NFT ที่สามารถลงทุนกับงานศิลปะดิจิทัล Blockchain Games ที่สามารถทำเงินจากการเล่นเกมส์
ในเมื่อบล็อกเชนและคริปโตเข้ามาอยู่ในโลกของอินเทอร์เนตแล้ว ย่อมที่จะเกิดการลงทุนรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่เหรียญ Altcoin ใหม่ๆที่เกิดขึ้นตามคอนเซบท์ของ Web3.0 ให้สามารถซื้อขายกันได้ แต่มีโปรดักต์การลงทุนที่หลากหลาย
ตัวอย่างเช่น การลงทุนใน Node ของผู้ให้บริการโครงข่ายอินเทอร์เนตแบบ Decentralize ซึ่งสามารถรับส่วนแบ่งรายได้จากธุรกรรมที่เกิดขึ้นในระบบ หรือนำพื้นที่ว่างบน Cloud Storage ไปปล่อยให้เช่าแบบ Peer To Peer และรับรู้รายได้ค่าเช่า หรือการที่เราเข้าไปเยี่ยมชนเวบไซต์แล้วเมื่อคลิ๊กอ่านแบนเนอร์โฆษณาแล้วได้รับโทเคนเป็นรางวัล
กล่าวคือรูปแบบการสร้างรายได้จาก Web3.0 ไม่ต่างอะไรจาก DeFi และ NFT ที่เปิดโอกาสให้เกิดชุมชนของการแบ่งปันทางเศรษฐกิจ (Sharing Economy) ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นที่มีทั้งผู้ลงทุนและผู้ใช้งานสร้างกระแสเงินให้เกิดขึ้นในแพลตฟอร์ม
ปัจจุบันได้มีแพลตฟอร์มและเหรียญต่างๆที่เกิดขึ้นภายใต้คอนเซบท์ของ Web3.0 ที่จะกลายเป็นโอกาสการลงทุนในปี 2022 เป็นต้นไป เหมือนกับที่ปี 2020 เป็นปีของ DeFi และปี 2021 เป็นปีของ NFT ซึ่งเราสามารถคาดหวังได้ว่าจะเกิด Mass Adoption ครั้งใหญ่ในโลกของคริปโตและบล็อกเชนก็เป็นได้
เพราะถ้าไปถามคน 10 คนบนถนน อาจมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นนักลงทุน คนส่วนใหญ่อาจจะมีประสบการณ์เล่นเกมส์…แต่เชื่อว่าคนทั้ง 10 คนต้องเข้าอินเทอร์เนตทุกวัน
** ประชาสัมพันธ์** คอร์ส “สร้างความมั่งคั่ง ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล” โดย อ.แก็ป นเรศ เหล่าพรรณราย เจ้าของแฟนเพจ Editor Gap Investment Talk และผู้เขียนหนังสือ Best Seller “มือใหม่เริ่มต้นลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล” และ “DeFi และ NFT ความมั่งคั่งยุคดิจิทัล”
คลิกเลย https://www.skilllane.com/courses/Digital-Asset-Investment