เหรียญ LUNA คือ โทเคนของ Terra Chain ซึ่งเป็นหนึ่งในเชนที่มาแรงที่สุดของปีนี้ขณะที่ LUNA สามารถวิ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันคือเดือนธันวาคมขึ้นมาแล้วกว่า 30,000% หรือ 30 เด้ง
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ เหรียญ LUNA คือ ดาวเด่นในกลุ่ม Smart Contract Layer 1 ประจำปีนี้เราไปเจาะกันทีละเหตุผล
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน เป็นเพียงการวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยี
บทความที่เกี่ยวข้อง : LUNA เหรียญ DeFi ที่ครอบคลุมทั้ง Stablecoins,Lending และ Syntethic Asset
Total Value Lock ที่เติบโตรวดเร็ว
แม้ปัจจุบัน Terra Chain จะมีโปรเจกต์อย่าง DeFi และ NFT ที่ใช้เหรียญ LUNA เป็นตัวขับเคลื่อนเพียงแค่ 10 โปรเจกต์แต่มูลค่าเหรียญที่ล๊อกไว้หรือ TVL มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สามจากข้อมูลของเวบไซต์ DeFi Llama โดยมีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า Solana ที่เคยมาแรงในช่วงกลางปี
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนเข้ามาอยู่ใน Terra Chain เป็นจำนวนมากแม้ว่าจะมีจำนวนโปรเจกต์ที่น้อยกว่าเชนอย่าง ETH และ BSC แม้แต่ Avalanche เป็นอย่างมาก คือหนึ่งในแรงขับดันของเหรียญ LUNA
การเติบโตของ Stablecoins อย่าง UST และการเบิร์นเหรียญ LUNA
การอัพเกรดครั้งสำคัญของ LUNA ในเวอร์ชั่นโคลัมบัสน่าจะเป็น Turning Point ของ Terra Chain อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นการทำให้ทุกครั้งที่มีการทำเหรียญ LUNA มา Mint เป็น Stablecoins อย่าง UST ก็จะเกิดการ Burn เหรียญ UST ทิ้งไปในอัตรา 1 ต่อ 1
ข้อมูลจากเวบไซต์ smartstake.io แสดงให้เห็นว่านับตั้งแต่มีการอัพเกรดเวอร์ชั่นโคลัมบัสเป็นต้นมา ปริมาณซัพพลายของ UST มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ซัพพลายของ LUNA ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญจากการที่ถูก Burn ทิ้งไป แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของเหรียญ UST คือแรงผลักดันราคาเหรียญ LUNA อย่างแท้จริง
ช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีข้อสงสัยว่าเหรียญ Stablecoins ที่ใช้ Algorithm เป็นกลไกการรักษาเสถียรภาพของราคาให้มีความเป็น 1 ต่อ 1 อยู่เสมอ จะมีความมั่นคงเพียงใด แต่ช่วงที่ตลาดปรับตัวลงแรงๆช่วงต้นเดือนธันวาคม เหรียญ UST ก็ไม่ได้เสียเสถียรภาพของราคาไปแต่อย่างไร
นอกจากนี้ยังมี Protocol อย่าง Wgite Whale ซึ่งจะทำหน้าที่มาช่วยนักลงทุนทำ Arbitrage หรือทำกำไรจากส่วนต่างของราคาเวลาที่เหรียญ UST จะหลุดระดับที่ Peg ไว้ที่ 1 ต่อ 1 ไม่ว่าจะเป็นทางขึ้นหรือทางลง ซึ่งจะทำให้เสถียรภาพของ UST ยิ่งมั่นคงเข้าไปอีก
ที่สำคัญ Terra Chain ยังพัฒนาแอปพลิเคชั่น Chai Card ที่ทำให้สามารถใช้เหรียญ UST มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เหมือนสกุลเงินปกติ โดยเริ่มให้บริการแล้วที่เกาหลีใต้ เวียดนาม มองโกเลีย
รัฐบาลเกาหลีใต้ยังสนับสนุนให้ทดลองใช้ UST ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ที่เมืองปูซาน เมืองใหญ่ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้และหากรัฐบาลยังคงให้การสนับสนุนและได้เข้าไปร่วมกับแอปพลิเคชั่นใหญ่ๆที่คนเกาหลีใช้อย่าง Kakao ได้เมื่อไร เหรียญ UST ก็จะเข้าสู่ Mass Adoption ทันที
ปัจจุบันเหรียญ UST ถูกลิสต์ที่ Exchange อย่าง KUCoin เท่านั้นซึ่งอนาคตน่าจะขยายไปยัง Exchange อื่นๆได้ไม่ยาก
Protocol ที่โดดเด่นแตกต่าง
แม้จะมีโปรเจกต์ที่ใช้ Terra Chain จำนวนไม่มากนัก แต่ว่าแต่ละโปรเจกต์ล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่นอย่างเช่น Anchor ซึ่งเป็น Lending Protocol ที่ให้ผลตอบแทนจากการฝากเหรียญ UST ที่สูงถึงระดับ 20% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับโปรเจกต์อื่นที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ยังมี Terra Land ที่จะเข้าไปลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์จริงๆจากนั้นจะนำมา Tokenize ให้เป็นโทเคนดิจิทัลให้สามารถซื้อขายและรับผลตอบแทนจากโปรเจกต์ได้ ที่สำคัญคือหากรวบรวมจำนวนโทเคนของแต่ละโครงการได้ครบก็สามารถเป็นเจ้าของโครงการนั้นๆได้เลย
อนาคตยังมีโอกาสที่จะนำโทเคนที่มีอสังหาริมทรัพย์หนุนหลังเหล่านี้ไปวางค้ำประกันเพื่อกู้ออกมาเป็นเหรียญ UST ได้อีกด้วย เหมือนกับการจำนองที่ดิน
โปรเจกต์เด่นๆในอนาคต
โปรเจกต์อื่นๆที่โดดเด่นใน Terra Chain ยังมีอีกมากเช่น Protocol อย่าง Orion ที่เป็นตัวกลางให้นำสกุลเงิน Fiat Currency มาฝากเพื่อรับผลตอบแทนใน Anchor ได้ หรือ Pylon ที่จะนำกำไรส่วนต่างจากการฝากเงินใน Anchor ไปจ่ายค่าบริการแอปพลิเคชั่นอย่างพวก Netflix ได้
ขณะที่ยังมี Terra World ซึ่งเป็นโปรเจกต์ NFT ในรูปแบบ Metaverse ที่เปิดให้สามารถเข้าไปจับจองพื้นที่ภายในโลกเสมือนจริงได้และสามารถที่จะสร้าง Avatar ของตัวเองเข้าไปใช้ชีวิตและทำงานร่วมกันได้ คล้ายๆกับ Gather
นอกจากนี้ยังเตรียมเข้าสู่ Blockchain Games โดยจับมือกับค่ายเกมส์เกาหลีอย่าง Com2uS Group ที่จะนำเกมส์ในค่ายมาพัฒนาในรูปแบบของเกมส์ที่สามารถสร้างรายได้
ล่าสุด Terra Chain และ Abracadabra ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ DeFi2.0 ยังมีความร่วมมมือระหว่างกันโดย Abracadabra มีการเสนอขายผลิตภัณฑ์คล้ายกับหุ้นกู้หรือพันธบัตรที่ใช้ UST มาค้ำประกันและนำไปปล่อยกู้ใน Anchor เพื่อรับผลตอบแทนซึ่งสามารถเสนอขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว
ความโดดเด่นของ Terra Chain และ เหรียญ LUNA คือ การเป็นเชนที่มีโปรเจกต์ที่โดดเด่นแตกต่างและยังมีความตั้งใจจะเชื่อมโลกของ Decentralized ให้เข้ากับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างไร้รอบต่อ เพราะเม็ดเงินที่อยู่ใน Traditional Asset ยังใหญ่กว่าโลกของ DeFi ชนิดที่เทียบกันไม่ได้
Terra Chain และ LUNA จึงเป็นเชนที่ต้องจับตาหลังจากนี้ว่าจะมีสตอรี่การเติบดตอย่างไรต่อไปและจะก้าวขึ้นมาท้าชิงกับผู้นำอย่าง Ethereum และ Binance Smart Chain ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่
ฟังคลิปวิเคราะห์ Terra Chain และ LUNA ได้ที่นี้