Metaverse คือ เทคโนโลยีล่าสุดที่ Facebook ยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียประกาศที่จะใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ผลักดันให้เกิดการใช้งานจริง รวมถึงยังเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้าง S Curves ใหม่ให้กับบริษัทหลังธุรกิจ Social Media เริ่มจะมีอุปสรรคมากขึ้น
จากเดิมที่เราจะสัมผัสคอนเทนท์ที่อยู่ในโลกออนไลน์เพียงแค่ Text รูปภาพ คลิปวีดีโอ แต่การมาของ Meaverse จะทำให้ประสบการณ์บนโลกออนไลน์เข้าสู่ความเป็นโลกเสมือนจริงมากขึ้นในรูปแบบของสามมิติ
คอนเทนท์ที่จะอยู่ในโลกของ Metaverse จะมีตั้งแต่เกมส์ ภาพยนต์ กิจกรรมสันทนาการ ตลอดจนการศึกษา อบรมสัมนาและการทำธุรกิจ
หาก www คือ Internet1.0,Blockchain คือ Internet2.0 มีการคาดการณ์ว่า Metaverse คือ Internet ในยุค 3.0 นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : ได้เวลาแสวงหาความความมั่งคั่งในโลก Metaverse
จากการชี้แจงของ Facebook บริษัทฯจะมีการสนับสนุนผู้สร้างสรรค์คอนเทนท์ไม่ว่าจะเป็น 3D ภาพนิ่งและภาพวีดีโอ เพื่อที่จะดึงดูดให้มีภาคธุรกิจตลอดจนผู้ใช้งานทั่วไปเข้ามาอยู่ในโลกของ Metaverse เหมือนกับในปัจจุบันที่เปิดให้ครีเอเตอร์เข้ามาสร้างคอนเทนท์ต่างๆภายใน Facebook ซึ่งมีศักยภาพเป็นเพียงแค่สองมิติ
ตัวอย่างเช่น จากเดิมที่เราอยากจะเห็นห้องตัวอย่างของโรงแรมที่เราจะเข้าพักซึ่งจะเห็นได้แค่ภาพนิ่งที่อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในแง่การรับรู้ที่สมจริง แต่ Metaverse จะช่วยให้ผู้ที่สนใจเข้าพักได้สัมผัสกับตัวอย่างห้องจริงๆก่อนตัดสินใจเลือกที่จะพักได้ก่อน
ในเมื่อ Facebook เปิดช่องทางให้นักพัฒนาเข้ามาใช้งานภายในพื้นที่โลกเสมือนจริง การมีเทคโนโลยี Cryptocurrency ตลอดจน NFT จะเข้ามามีส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน
ช่องทางในการเข้าใช้งาน Metaverse แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
2.1) การใช้งานแบบเต็มตัว (Fully Immerse) ด้วยการใส่แว่น VR (Virtual Reality) จะได้รับประสบการณ์แบบเต็มที่
2.2) การใช้งานแบบผสมผสาน ด้วยการใส่แว่นแล้วใช้งานแบบ AR (Augmented Reality) จะได้รับประสบการณ์ระดับกลาง
2.3) การใช้งานผ่านอุปกรณ์อื่นๆ เช่นคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ จะได้รับประสบการณ์น้อยที่สุด
พื้นที่ส่วนแรกๆ ใน Metaverse ของ Facebook ที่จะเปิดให้ใช้ได้นี้จะเรียกว่า Horizon โดยแบ่งออกเป็น Horizon Home สำหรับใช้สร้างเป็นบ้านของแต่ละคนที่ชวนคนอื่นเข้ามาได้, Horizon Worlds เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนอื่นๆ และ Horizon Workroom สำหรับเป็นที่ทำงาน
Cryptocurrency,NFT รวมถึง DeFi กับการเติมเต็ม Metaverse
หาก Metaverse ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและบริษัทด้านเทคโนโลยีต่างเข้ามาในอุตสากรรมนี้ Cryptocurrency รวมถึง NFT และ DeFi จะสามารถเข้ามาเติมเต็มให้ Metaverse มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ลองคิดต่อยอดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเราเป็นผู้พัฒนาคอนเทนท์บน Metaverse ที่อยู่บนโลกเสมือนจริงที่ไม่มีพรมแดนทางด้านภูมิศาสตร์ แล้วมีชาวต่างชาติที่อยู่กันคนละทวีปสนใจในสินค้าของเรา หากเป็นโลกออนไลน์ปกติจะมีอุปสรรคในเรื่องของการชำระเงินเกิดขึ้น
แต่ถ้านำเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Cryptocurrency เข้ามาโดยที่มีการสร้างสกุลเงินของตัวเองภายในแพลตฟอร์ม เมื่อผู้ที่อยู่ในโลกเสมือนจริงถูกใจในคอนเทนท์หรือสินค้าของเราก็สามารถจ่ายเงินซื้อได้ทันทีโดยไม่มีข้อจำดักในเรื่องของสกุลเงิน ตรงนี้จะทำให้เกิดการทำธุรกิจที่ไม่มีพรมแดนเกิดขึ้น
ผสมผสานกับเทคโนโลยีการเงินไร้ตัวกลางหรือ DeFi ที่จะทำให้การทำธุรกรรมการเงินหรือการลงทุนภายใน Metaverse มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลใน Metaverse ที่สามารถนำแปลงให้เป็นในรูปแบบของ NFT ซึ่งทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆมีเจ้าของเพียงคนเดียวไม่สามารถทำซ้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น Avatar หรือตัวตนจำลองของเราเอง ไอเท็มต่างๆหรือพื้นที่ภายในโลกเสมือนจริง
เห็นได้ว่าเทคโนโลยี Cryptocurrency รวมถึง NFT และ DeFi จะเขามาเติมเต็มให้ Metaverse เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบขึ้น ขณะเดียวกัน Metaverse ก็เข้ามาทำให้ Cryptocurrency เข้าถึงคนหมู่มากได้โดยที่พวกเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้สกุลเงินดิจิทัลอยู่ก็เป็นได้
บล็อกเชนคือสะพานเชื่อมต่อโลก Metaverse
ขณะที่การใช้บล็อกเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้การเชื่อมต่อระหว่าง Metaverse ของแต่ละแพลตฟอร์มทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น จากในโลกของอินเทอร์เนตและแอปพลิเคชั่นปัจจุบันที่ผู้พัฒนาแต่ละรายสร้างขึ้นภายใต้เทคโนโลยีของตัวเอง การเชื่อมต่อจึงทำได้ยากลำบาก
แต่หากมีบล็อกเชนซึ่งทำงานแบบไร้ตัวกลางเข้ามาเป็นสะพานเชื่อมต่อ โลกของ Metaverse ก็จะเดินทางหากันและทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกขึ้น เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรสิงใหม่ๆและที่สำคัญการใช้งานจะเติบโตได้รวดเร็วขึ้น
ปัจจุบันนี้ได้มีการนำ Cryptocurrency และ NFT เข้ามาอยู่ในโลกของ Metaverse ในรูปแบบของ Blockchain Games แล้ว ซึ่งบางแพลตฟอร์มมีจำนวนผู้ใช้งานกว่าล้านรายต่อวัน มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เทียบเท่ากับจีดีพีของบางประเทศ มีผู้ที่สร้างรายได้จริงจากการเล่นเกมส์
หากแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานนับพันล้านรายทั่วโลกอย่าง Social Media เข้าสู่โลก Metaverse จะเป็นตัวกระตุ้นให้เทคโนโลยีดังกล่าวเติบโตได้เร็วเช่นเดียวกับ
Cryptocurrency และ NFT ที่จะได้รับอานิสงจากการขยายตัวและเติมเต็มให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในโลกเสมือนจริงที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น
** คอร์สออนไลน์ “มือใหม่เริ่มลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล” นอกจากเรียนทฤษฎีทางออนไลน์แล้วยังได้เรียนสดทาง Zoom กับผู้สอนทุกสัปดาห์อีกด้วย รายละเอียดคลิ๊กที่นี้