จิตตะ เวลธ์ ชี้กระแสลงทุน Thematic มาแรงหลังนักลงทุนแห่ลงทุนตามธีมธุรกิจเติบโตตามเมกะเทรนด์โลกส่ง“Thematic Optimize”บริหารจัดการพอร์ตลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ด้วยเทคโนโลยี AI ครั้งแรกของประเทศไทยช่วยคัดเลือกธีมที่น่าลงทุนที่สุดและบริหารจัดการพอร์ตให้อัตโนมัติสร้างผลตอบแทนย้อนหลังได้เฉลี่ย 25% ต่อปี
นายตราวุทธิ์เหลืองสมบูรณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะเวลธ์จำกัด (จิตตะเวลธ์) สตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยเป็นรายแรกที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า การลงทุนในธุรกิจเป็นธีมโดยเฉพาะในกลุ่มเมกะเทรนด์โลก (Thematic Investment) ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น ธีมการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี หรือธีมที่เจาะด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) ระบบคลาวด์ (Cloud Computing) หุ้นยนต์และ AI (AI & Robotics) เกมและอีสปอร์ต (Games & Esports) และพลังงานสะอาด (Clean Energy)
หรืออาจจะเป็นธีมที่ลงทุนในเทคโนโลยีของประเทศผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น สหรัฐอเมริกา หรือ จีน ที่คาดว่าจะเติบโตมีมูลค่ามหาศาลในอนาคต ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก และกำลังกลายเป็นการลงทุนกระแสหลัก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม อีกทั้งยังสร้างผลตอบแทนเติบโตไปพร้อมกับดัชนีธีมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ
การลงทุนแบบ Thematic จะเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจผ่าน ETF (Exchange Traded Fund) เพื่อกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมหรือเมกะเทรนด์นั้นๆ โดยบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์ริแมน แอนด์ โค (Brown Brothers Harriman & Co.) ได้จัดทำรายงาน “Global ETF Investor Survey” ประจำปี 2564 นำเสนอข้อมูลจากการสำรวจนักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า 80% ของนักลงทุนวางแผนจะเพิ่มการจัดสรรเงินลงทุนไปยังกองทุน ETF แบบ Thematic มากขึ้น
สอดคล้องกับรายงานของ มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) (มิ.ย. 64) ที่ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้กองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ดังกล่าวกว่า 5.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่สัดส่วนกว่า 51% ของกองทุนเหล่านี้อยู่ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
จิตตะ เวลธ์ เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของการลงทุนแบบ Thematic ในตลาดโลก จึงได้เปิดกองทุนส่วนบุคคล Thematic ตั้งแต่เดือน ต.ค. 63 เป็นการลงทุนในรูปแบบ Thematic DIY ให้นักลงทุนจัดพอร์ตเลือกธีมที่ชื่นชอบ ออกแบบพอร์ตด้วยตนเอง เลือกจับคู่ธีมได้สูงสุดถึง 5 ธีมในพอร์ตเดียว แล้วให้ระบบบริหารจัดการ ดูแลปรับพอร์ตให้ ซึ่งปัจจุบันมีธีมการลงทุนให้เลือกทั้งหมด 16 ธีม มาจากการคัดสรรเลือก Passive ETF ที่น่าลงทุนสูงสุดของแต่ละเมกะเทรนด์
โดย จิตตะ เวลธ์ จะวิเคราะห์คัดกรอง Passive ETF ที่มีมูลค่าสุทธิการลงทุนของธีมเมกะเทรนด์แต่ละธีมที่สูง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ที่ต่ำมาก และมีสภาพคล่องลงทุนได้จริง โดยระบบจะช่วยดูแลเพื่อให้พอร์ตเติบโตไปพร้อมๆ กับเมกะเทรนด์
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้นักลงทุนได้ลงทุนธีมกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์โลกผ่าน Passive ETF ที่น่าลงทุนที่สุดสำหรับแต่ละกลุ่มธุรกิจได้สะดวกสบายมากขึ้น จัดพอร์ตด้วยธีมเมกะเทรนด์ศักยภาพสูง บริหารพอร์ตอย่างเป็นระบบ มีหลักการ ลดภาระที่นักลงทุนต้องคอยมาศึกษาข้อมูล เลือกและตัดสินใจเอง จิตตะ เวลธ์ จึงได้เปิดตัว Thematic Optimize ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์การเติบโตของธีมเมกะเทรนด์ต่างๆ จากหุ้นในธีมกว่า 2,500 หุ้น และพิจารณาผลตอบแทนที่ผ่านมา รวมถึงความเสี่ยง เพื่อคัดเลือก 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุด ณ เวลานั้น มาจัดพอร์ตในสัดส่วนเท่าๆ กัน และคอยดูแลปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติทุกๆ
3 เดือน ทั้งนี้ระบบได้พิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง สามารถทำกำไรเฉลี่ยทบต้น 25.22% ต่อปี ชนะดัชนี MSCI World Index (Total Return) ที่มีผลตอบแทน 13.78% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 64)
“Thematic Optimize คือเทคโนโลยีการจัดพอร์ตลงทุนในธีมด้วย AI ล่าสุด ที่ช่วยให้นักลงทุนไทยไม่พลาดการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์โลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดี พร้อมรับความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า เพียง 0.5% ต่อปี การสร้างนวัตกรรมการลงทุนนี้เป็นความมุ่งมั่นของ จิตตะเวลธ์ ที่มีมาโดยตลอด เพื่อให้นักลงทุนไทยได้มีโอกาสสร้างพอร์ตแกร่งในระยะยาว” นายตราวุทธิ์กล่าว
บทความที่เกี่ยวข้อง : หลักทรัพย์บัวหลวง แนะสร้างโอกาสลงทุน “กลุ่ม Healthcare” ตลาดสหรัฐฯ รับเทรนด์สังคมผู้สูงวัย
ฟังคลิปวิเคราะห์หุ้นกลุ่ม Healthcare ได้ที่ลิงค์นี้