ราคาทองคำ ตั้งแต่ต้นปี 2021 สร้างผลตอบแทน -6% (ตัวเลข ณ วันที่ 14 ส.ค.) ปัจจัยลบที่กดดันคือค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่กลับมาเติบโตต่อเนื่องทำให้ตลาดมองว่าการอัดฉีดสภาพคล่องอย่างการทำ QE และกดดอกเบี้ยต่ำจะถูกยกเลิกเร็วกว่าที่คาด
ต้องบอกว่าการทำ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงวิกฤตซับไพร์มเป็นแรงขับเคลื่อนราคาทองคำให้เป็นขาขึ้นยาวนานถึงสามปีสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึงระดับ 180% นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2009 จนถึงจุดสูงสุดในเดือนมกราคมปี 2012 ที่ระดับ 1,925 ดอลลาร์
แต่หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ทำการถอน QE ออกจากระบบ ราคาทองคำจึงเป็นขาลงมายาวนานเกือบ 5 ปี และราคาได้ลดลงจากจุดสูงสุดถึง 45%
มาถึงวิกฤตโควิดล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯได้ทำการอัดฉีดสภาพคล่องด้วยการทำ QE อีกครั้ง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 42% นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ Black Thursaday โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ระดับ 2,081 ดอลลาร์
ทว่าหลังจากนั้น ราคาทองคำ ได้ปรับตัวเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องโดยลดลงมาแล้วเกือบ 20% ทั้งที่วงเงินในการทำ QE รอบนี้มีไม่จำกัดซึ่งสูงกว่าการทำ QE รอบที่แล้วที่มีการจำกัดวงเงินประจำเดือน
อาจเป็นเพราะธนาคารกลางสหรัฐฯมองเห็นถึงผลเสียของการทำ QE ว่าจะส่งผลเสียต่อระบบการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะงบดุลของรัฐบาลสหรัฐฯที่เข้าไปซื้อพันธบัตรของ FED เองที่พุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงเป็นเหตุให้ทันทีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ธนาคารกลางสหรัฐฯจึงให้สัญญาณถึงการลดระดับการอัดฉีดสภาพคล่องลง
ส่งผลให้ Dollar Index ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ทองคำที่ถูกมองว่าเป็น Safe Haven ป้องกันภาวะเงินเฟ้อถูกลดค่าลงและถูกเทขาย จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและค่าเงินดอลลาร์มีทิศทางตรงข้ามกันอย่างแท้จริง
บิทคอยน์กับความสัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์
ขณะที่บิทคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกมองว่ามีคุณสมบัติในการเป็น Safe Haven และ Store Of Value เช่นเดียวกับทองคำ กลับไม่ได้ถูกเทขายไปด้วยในช่วงที่ผ่านมาแต่กลับกลายเป็นมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินดอลลาร์ นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021 ที่ผ่านมา จึงเป็นไปได้ว่าบิทคอยน์อาจจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่กลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนแทนที่ทองคำ
ทั้งนี้กลุ่มผู้ลงทุนหลักในบิทคอยน์ได้ถูกเปลี่ยนจากนักลงทุนบุคคลมาเป็นนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนอย่าง Tesla,Microstrategy รวมถึงสถาบันการเงินที่หันมาตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในบิทคอยน์อย่างเช่น Grayscale Bitcoin Trust และล่าสุดคือ Ark Invest บริษัทจัดการกองทุนชื่อดังที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์โดยตรง
การที่นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนในบิทคอยน์จะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งนี้มีเสถียรภาพของราคามากขึ้นและมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : Bitcoin ยังมีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกหรือไม่??
ศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ด้วยหนังสือ “มือใหม่เริ่มต้นลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล” สั่งซื้อออนไลน์ได้ทางเวบไซต์ SE-Ed นี้ได้เลย https://bit.ly/3xs6ETt
หรือจะซื้อผ่าน Shoppee และ Lazada ได้เช่นกัน
https://shopee.co.th/product/70800496/6291960517…
https://s.lazada.co.th/s.egF86