หุ้น EA หรือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ จำกัด (มหาชน) จากผู้ผลิตไบโอดีเซลสู่ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและล่าสุดกับภารกิจที่จะก้าวสู่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตามเมกะเทรนด์ มีโอกาสแค่ไหนที่ EA จะก้าวเข้าสู่หุ้น Super Growth Stock แบบเดียวกับ TESLA ของนาย Elon Musk
โครงสร้างรายได้ของ EA ในปัจจุบันและอนาคต
ปัจจุบัน หุ้น EA มีสามธุรกิจหลักด้วยกันคือ
1.) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) กลีเซอรีนบริสุทธิ์ ผลิตภัณฑ์พลอยได้ และสารเปลี่ยนสถานะ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 60%
2.) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่ผ่านการ COD เรียบร้อยแล้วจำนวน 644 MW
3.) กลุ่มธุรกิจอื่นๆนั่นคือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า อย่างธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ ธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนธุรกิจวิจัยและพัฒนา มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1% เท่านั้น
ทั้งนี้ผู้บริหารของ EA ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในส่วนที่ 3 ให้มีสัดส่วนเป็น 20% โดยใช้งบลงทุน 17,000 ล้านบาทในการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะเริ่มเห็นโปรดักต์ออกมาในไตรมาสแรกของปี 2021 และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่สอง
โดยโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าที่นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มต้นจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมงและมีเป้าสูงสุดที่จะผลิตให้ได้ 50 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง
![](https://riccowealth.co/wp-content/uploads/2021/01/EA_2-1024x682.jpg)
มุ่งหน้าเป็นผู้ให้บริการ Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้า
ผู้บริหารของ EA ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าเป้าหมายของบริษัทคือการเป็นผู้ให้บริการ Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ไม่ได้มุ่งสร้างแต่ยานพาหนะเพียงอย่างเดียว โดยโครงสร้างจะประกอบไปด้วยโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ สถานีชาร์ทและศูนย์ซ่อม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสถานีชาร์ทกว่า 600 แห่ง ซึ่งมากที่สุด
ทั้งนี้ EA ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเป็นของตัวเอง แต่เน้นที่จะเป็นพันธมิตรกับค่ายรถไฟฟ้าต่างๆในการให้บริการ เช่น สถานีชาร์ทที่สามารถชาร์ทเต็มได้ภายใน 15 นาที
รวมถึงล่าสุดที่มีการเปิดตัวเรือพลังงานไฟฟ้า บ่งบอกว่าบริษัทฯไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคู่แข่งกับค่ายรถยนต์ที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตแต่มุ่งที่จะเป็นพันธมิตรกันมากกว่า
โดยบริษัทฯได้เป็นพันธมิตรกับสถานีผู้ให้บริการน้ำมันอย่าง SUSCO และ Caltex ในการติดตั้งสถานีชาร์ทรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตามบริษัทฯไมไ่ด้มองว่าสถานชาร์ทจะต้องอยู่ในปั้มน้ำมันเท่านั้นแต่สามารถตั้งอยู่ในจุดอื่นอย่างเช่นห้างสรรพสินค้าหรือ Community Mall
เจาะงบการเงิน
ผลประกอบการของ EA เติบโตต่อเนื่องหลายปีติดต่อ โดยปี 2561 มีกำไรสุทธิ 4,975.21 ล้านบาท ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 6,081.62 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ 3,720.48 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าในมือของ EA กำลังจะหมด adder (การสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ) ลงในช่วงปี 2023-2028 ซึ่งจะมีผลต่อกำไรสุทธิที่อาจลดลงหากไม่มีธุรกิจใหม่เขามาทดแทน
อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าในมือของ EA กำลังจะหมด adder (การสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ) ลงในช่วงปี 2023-2028 ซึ่งจะมีผลต่อกำไรสุทธิที่อาจลดลงหากไม่มีธุรกิจใหม่เขามาทดแทน
![](https://riccowealth.co/wp-content/uploads/2021/01/EA-ANYWHERE-HUAHIN_2-_4.jpg)
โดยเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าหรือ Adder คิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 45% ของ EA หากรายได้ส่วนนี้หมดไปจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตเป็นอย่างมาก
ในแง่งบลงทุนคาดการณ์ว่าจุดคุ้มทุนของการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าของ EA น่าจะคุ้มทุนในปีที่ 6 ของการลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุนหรือ D/E อยู่ที่ 1.94 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ
ส่วนค่า P/E Ratio ที่ระดับ 36 เท่า แม้ว่าจะสูงเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนอื่นอย่าง GPSC ที่มี P/E อยู่ที่ 30 เท่า แต่เมื่อเทียบกับหุ้นโรงไฟฟ้าตัวอื่นอย่าง GULF ที่ P/E 120 เท่าหรือ BGRIM ที่ P/E 66 เท่าก็ยังถือว่าไม่สูงมาก หากตลาดเริ่มให้พรีเมี่ยมกับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าก็มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นได้อีก
จุดเด่นของ EA ก็คืออัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่ระดับ 29% ซึ่งถือว่าสูงสุดในกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าซึ่งอยู่ระดับเลขตัวเดียว
ราคาหุ้น EA เป็นอย่างไรบ้าง
หุ้น EA กำลังลุ้นที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 71.50 บาทที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว หลังจากผ่านแนวต้านสำคัญแรกที่ระดับ 58 บาทมาได้ โดยที่ระดับ 62 บาทถือเป็นแนวรับตามแนว Fibonacci พอดี หากยืนอยู่ได้จะมีแนวต้านสำคัญที่จุดสูงสุดเดิม 71.50
![หุ้น EA](https://riccowealth.co/wp-content/uploads/2021/01/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-EA-1024x480.png)
หากผ่านไปได้จะมีเป้าหมายที่ระดับ 100 บาท ซึ่งเป็นแนวต้านตามแนวจิตวิทยาและเป็นเป้าหมายตามแนว Fibonacci 161.8
โอกาสและความเสี่ยง
มีการคาดการณ์ว่าการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Market ในประเทศไทยจะเติบโตกว่า 33% โดยเฉลี่ยจนถึงปี 2030 ขณะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกปีละ 2 ล้านคัน หากมีการปรับรูปแบบการผลิตมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
แต่ความเสี่ยงของ EA ก็คือนโยบายของภาครัฐที่ดูแล้วยังไม่ชัดเจนในแง่ของการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวสักเท่าไร ตลอดจนความสามารถในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายรถยนต์ในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่เป็นค่ายญี่ปุ่นดูแล้วยังเป็นรองชาติอื่นในเอเชีย
บทสรุป
EA มีข้อได้เปรียบบริษัทอื่นๆในตลาดหากกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่เข้ามาเป็นผู้เล่นรายแรกๆของอุตสหากรรมนี้ ตลอดจนความพร้อมในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการผลิต Storage ที่ได้จาก Amita ไต้หวัน ตลอดจนสถานีชาร์ทรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมากที่สุดในเวลานี้
หุ้น EA มีโอกาสที่จะเดินตามรอยหุ้น TESLA รวมถึงหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆอย่าง NIO ที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในปีที่ผ่านมาได้หากภาพของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ตลาดก็พร้อมที่จะให้น้ำหนักการลงทุนกับหุ้นที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง : เปิดโผ 5 สินทรัพย์น่าลงทุนในปี 2021 ให้ได้ผลตอบแทน