ราคาทองคำ หลังจากที่สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ได้ในปี 2020 ที่ระดับ 2,076 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นก็ถูกเทขายอย่างต่อเนื่องจนเริ่มเกิดคำถามแล้วว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนและยังเป็นขาขึ้นได้อีกหรือไม่?
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ราคาทองคำ ปรับตัวลดลงมาจากพัฒนาการของการค้นพบวัคซีนต้านไวรัสโควิด ทำให้เริ่มมีความเชื่อมั่นว่าวงจรเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจึงถูกเทขาย หลังจากที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดกว่า 30% และหากซื้อที่จุดต่ำสุดและขายในราคาสูงสุดจะทำกำไรได้ถึง 45%
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำ ในปี 2021 ยังคงมีโอกาสที่จะเป็นขาขึ้นได้อีกครั้งด้วยเหตุผลทั้ง 5 ข้อนี้
แนวโน้มเงินเฟ้อยังมีโอกาสถีบตัวสูงขึ้น
การอัดฉีดสภาพคล่องด้วยการทำคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐฯรวมถึงธนาคารกลางใหญ่ของโลกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ผลกระทบที่ตามมาคืองบดุลของรัฐบาลสหรัฐฯที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2021 ก็คือแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะเริ่มถีบตัวสูงขึ้น
Goldman Sacks ได้ออกมาคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วโลกในปี 2021 น่าจะอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในการที่จะเป็นสินทรัพย์ที่มาป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ
แนวโน้มดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำอีกนาน
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวได้หลังการค้นพบไวรัสต้านโควิด แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกกลับมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทันทีเพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงในการฟื้นตัว อีกทั้งบางเซคเตอร์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างการท่องเที่ยวและสายการบินจะยังไม่กลับมาฟื้นตัวเต็มที่
การที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำไปอีกอย่างน้อยก็ 1-2 ปี ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำเหมือนกับในช่วงแรกของการทำคิวอีในช่วงปี 2009-2011 ซึ่งช่วยผลักดันให้ราคาทองคำเป็นขาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า
ตัวชี้วัดสำคัญที่จะกำหนดทิศทางราคาทองคำก็คือค่าเงินดอลลาร์ที่ภาพระยะยาวยังคงเป็นขาลง แม้ในช่วงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 ดัชนี Dollar Index เริ่มที่จะทรงตัวแบบไซด์เวย์ ทำให้ทองคำเริ่มถูกเทขายในช่วงเวลานั้นแต่ค่าเงินดอลลาร์ก็ยังไม่สามารถที่จะกลับมาแข็งค่าได้ในระยะกลาง
หากค่าเงินดอลลาร์เริ่มเปลี่ยนทิศทางจากไซด์เวย์มาเป็นขาลงอีกครั้ง ราคาทองคำจะได้รับผลบวกและเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นได้
กลุ่มประเทศเกิดใหม่ยังมีความต้องการทองคำ
ผลจากการที่เศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศที่ยังคงมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นบวกในปี 20202 รวมถึงประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่หรือ Emerging Market ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้ว จึงมีโอกาสที่จะเกิดความต้องการซื้อทองคำกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่หายไปในปี 2020 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยผลักดันราคาทองคำ
ผลจากการที่เศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศที่ยังคงมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นบวกในปี 20202 รวมถึงประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่หรือ Emerging Market ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้ว จึงมีโอกาสที่จะเกิดความต้องการซื้อทองคำกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่หายไปในปี 2020 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยผลักดันราคาทองคำ
แนวโน้มทางเทคนิคยังเป็นขาขึ้น
ที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ ถือเป็นแนวรับที่สำคัญของทองคำ นอกจากเป็นตัวเลขทางจิตวิทยาแล้วยังเป็นแนวต้านสำคัญที่ทองคำสามารถ Breakout ผ่านมาได้ในปี 2020 ในทางเทคนิคจึงทำหน้าที่เป็นแนวรับต่อจากจุดสูงสุดเดิมที่ 1,926 ดอลลาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นอีกแนวรับสำคัญเช่นกัน
หากทองคำยังไม่หลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์ จะยังคงแนวโน้มไซด์เวย์เพื่อรอฟื้นตัวกลับมาเป็นขาขึ้น แต่หากหลุดลงจากระดับดังกล่าวแนวโน้มมีโอกาสที่จะพลิกกลับเป็นขาลงได้
เป้าหมายทางเทคนิคของทองคำหากสามารถกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 2,076 ได้จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 2,467 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านที่ Fibonacci Retreatment 161.8 ซึ่งจะมีอัพไซด์เกนประมาณ 36% หากเข้าซื้อที่ระดับประมาณ 1,800 ดอลลาร์
ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ที่ยังน่าสนใจในการลงทุนในปี 2021 ราคาที่ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดทำให้เกิดอัพไซด์เกนที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามต้องบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกันเพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากที่ต้องจับตา
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ธนาคารแห่งประเทศไทยออกนโยบายใหม่ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเอื้อคนไทยลงทุนต่างประเทศง่ายขึ้น