บลจ.อินโนเทคชี้ ตลาดกระทิงอาจกลับมา สถิติเดิมชี้หากต่างชาติซื้อหุ้นไทยหนักตลาดจะกลับเป็นขาขึ้น

วันที่ 10 พ.ย. 2563 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานตัวเลขนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย (Foreign Net Buy) 1.9 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ตั้งแต่จัดตั้งตลาดหุ้นไทย ขณะที่นักลงทุนสถาบันก็ซื้อสุทธิกว่า 3 พันล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนรายบุคคลที่ขายสุทธิกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท

หากเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีตซึ่งนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อวันสูงที่สุด 4 อันดับแรก (ไม่รวมวันนี้) พบว่าในอีก 2 ปีต่อมา ตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกแทบทั้งหมด โดยให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง +30.85% และน้อยสุดที่ +7.65% และมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของ 4 ช่วงเวลาดังกล่าวที่ +18.34%

การกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในวันนี้ ในทางเทคนิคหรือในแวดวงผู้จัดการกองทุน จะเรียกพฤติกรรมนี้ว่า การ Cover Short หรือการ Short Squeeze คือนักลงทุนที่ได้ทำการ Short Against Portfolio ไปก่อนหน้านี้ เพื่อลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น หรือได้ยืมหุ้นมาชอร์ตเซล (Short Selling) ต้องรีบซื้อหุ้นคืน ดังนั้นการปรับตัวขึนของหุ้นจากพฤติกรรมนี้จะค่อนข้างรวดเร็วและรุนแรงมากกว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในสภาวะปกติ

การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของทีมจัดการลงทุน บลจ.อินโนเทค จำกัด เมื่อราวสองสัปดาห์ก่อน ว่าตลาดหุ้นในช่วงปลายปีมีโอกาสตอบรับเชิงบวกจาก 

1) คาดการณ์จีดีพีที่จะฟื้นตัวในปีหน้า 2) กำไรสุทธิต่อหุ้น (SET EPS) ของตลาดหุ้นไทยที่น่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว 3) การค้นพบวัคซีนโควิด19 ที่มีแนวโน้มจะค้นพบได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 4) หุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับขึ้นหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ และ 5) แรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายปีหลังจากที่ขายสุทธิอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายแสนล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมของตลาดหุ้นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งในช่วงนี้ คือหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ (Big Caps) ที่มักถูกมองว่าเป็นหุ้นในกลุ่มเศรษฐกิจเก่า (Old Economy) เช่นหุ้นใน SET50 S&P500 หรือ Dow Jones ปรับตัวขึ้นสูงมาก 

สวนทางกับหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้านี้ และเป็นหุ้นที่ถูกมองกว่าเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เช่นหุ้นใน sSET หรือ NASDAQ ที่ปรับตัวลดลงมากเช่นกัน ซึ่งพฤติกรรมนี้เรียกว่า การหมุนพอร์ต (Rotational Play) คือการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มหนึ่ง หรืออุตสาหกรรมหนึ่ง แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อหุ้นอีกกลุ่มหนึ่ง หรืออีกอุตสาหกรรมหนึ่งแทน

ขอบคุณข้อมูลจาก บลจ.อินโนเทค www.innotechasset.com

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : บลจ. “อินโนเทค” มองสวนตลาดหุ้นไทยออกทริกเกอร์ฟันด์พุ่งเป้า 5% ใน 5 เดือน