พิโกไฟแนนซ์

ทำความรู้จัก “พิโกไฟแนนซ์” สินเชื่อในระบบ ขวัญใจรายย่อย

โดย SM1984

 พิโกไฟแนนซ์ สินเชื่อที่สามารถตอบโจทย์รายย่อย จนเรียกได้ว่าเป็นสินเชื่อขวัญใจรายย่อยเพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกแสนถูก ซึ่งสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหา “หนี้นอกระบบ” ซึ่งยังคงเป็นปัญหาในระบบการกู้ยืมในสังคมไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ที่ต้องการกู้เงิน แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็น…อัตราดอกเบี้ยที่แพงลิ่ว การติดตามทวงหนี้ที่หฤโหด หรือบางกลุ่มอาจไม่มีโอกาสที่จะสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด

สมเกียรติ จตุราบัณฑิต นายกสมาคมพิโกไฟแนนซ์ประเทศไทย และคุณฉัตรชัย เล่งอี้ ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร เล่าถึงความเป็นมาของสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ว่า เป็นสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ง่ายขึ้น หลีกพ้นจากการกู้หนี้นอกระบบ   ซึ่งเริ่มให้ผู้ประกอบการมีการขอใบอนุญาตเมื่อปลายปี 2559 มาจนถึงปัจจุบัน

โดยผู้ประกอบการสินเชื่อ พิโกไฟแนนซ์ ให้บริการสินเชื่ออยู่ 2 ประเภท คือ 1. สินเชื่อพิโกธรรมดา วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท และคิดอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมแล้วไม่เกิน 36% ต่อปีหรือคิดเป็นเดือนละ 3% พร้อมลดต้นลดดอก 2. สินเชื่อพิโกพลัส วงเงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท และคิดอัตราดอกเบี้ยแบ่งเป็น 2 วงเงิน วงเงินแรกคือ 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 36% เหมือนพิโกธรรมดา ส่วนที่ 2 คือ ส่วนที่เกินวงเงิน 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมแล้วไม่เกิน 28% ต่อปี

“รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เล็งเห็นว่าในแต่ละชุมชนต่างๆ ของทั่วประเทศมีหนี้นอกระบบจำนวนมาก และทางรัฐบาลมีนโยบายที่จะปราบปราม แก้หนี้นอกระบบ จึงจัดตั้งให้มี พิโกไฟแนนซ์ ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และวัตถุประสงค์ก็เปิดกว้างมาก โดยเป็นสินเชื่อเอนกประสงค์ ไม่ว่าจะชำระหนี้เงินกู้นอกระบบ หรือว่า จะไปชำระค่าเทอมหรือว่าจะเหมือนประกอบอาชีพอะไรก็ได้ทั้งหมด สามารถเปิดวงกว้าง ส่วนในหลักประกันก็จะเปิดวงกว้าง คือ จะมีหลักประกันหรือไม่มีหลักประกันก็ได้  ทำให้พิโกไฟแนนซ์เป็นสถาบันการเงินขนาดย่อยที่ใกล้ชิดชุมชนมากที่สุด” นายกสมาคมพิโกไฟแนนซ์ประเทศไทย กล่าว

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จำนวน 737 รายทั่วประเทศ โดยอยู่ในหัวเมืองใหญ่มีจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 107 ราย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 112 ราย จังหวัดขอนแก่น  จำนวน 66 ราย 

สำหรับกลุ่มลูกค้าของพิโกไฟแนนซ์ นายกสมาคมพิโกฯ กล่าวว่า ลูกหนี้ที่มาขอกู้สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ด้วยกัน กลุ่มแรก คือ กลุ่มแม่ค้าที่มีรายได้เป็นรายวัน และมีแผงค้า กลุ่มนี้เราจะคิดดอกเบี้ยแบบรายเดือน หรือราย 50 วัน, ราย 100 วัน และผลชำระก็จะให้ผลเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งจะต่างจากเจ้าหนี้นอกระบบที่จ่ายเป็นรายวันทุกวัน และของเราจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกด้วย

และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มมีรายได้เป็นเงินเดือน  เช่น ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานโรงงาน แล้วก็กลุ่มทั่วไปที่มีรายได้เป็นค่าจ้าง ถ้ามากู้ใช้เอกสาร มีหนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3เดือน สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน ก็สามารถขอยื่นกู้ได้ และผู้ประกอบการพิจารณาด้วยความรวดเร็ว และในส่วนนี้ ผู้มาขอกู้ก็มีการจดหลักประกันทางธุรกิจด้วยเพื่อที่จะลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการ

กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มเกษตรกร ซึ่งมีจำนวนมากในพื้นที่ในประเทศไทย  โดยมีผู้ขอกู้นำโฉนดที่ดินมาไว้ มีสัดส่วน 80%

คุณฉัตรชัย กล่าวเสริมว่า หลักฐานที่ใช้สำหรับการกู้เงินนั้นขึ้นอยู่กับกำลังในการชำระหนี้แล้วแต่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะพิจารณา มีทั้งมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน   ถ้าหากว่ามีผู้ค้ำประกันอาจไม่ต้องใช้หลักทรัพย์อื่น  ซึ่งหลักทรัพย์ในการค้ำประกันในกรณีไม่มีผู้ค้ำประกันอาจจะเป็นเล่มรถมอเตอร์ไซค์  เล่มรถยนต์  หรือโฉนดที่ดิน  เอามาใช้แทนในการค้ำประกันได้

เมื่อถามถึงจุดแข็งของพิโกไฟแนนซ์  คือ การเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้โดยง่าย  เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายเป็นคนในพื้นที่ ดังนั้นจะมีความคุ้นเคยกับคนในพื้นที่ที่มาขอกู้เงิน ทำให้มีความประนีประนอม ความเอื้ออาทร ซึ่งจะแตกต่างจากพวกไฟแนนซ์ใหญ่ที่ค่อนข้างจะมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและไม่สามารถยืดหยุ่นได้ เช่น หากจะขอยืดระยะเวลาในการผ่อน ขอค้างชำระเกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่น การจัดไฟแนนซ์รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์  ถ้าค้างเกิน 3 เดือนจะต้องยึดรถ แต่ทางพิโกไฟแนนซ์ไม่เป็นแบบนั้น หากค้างเกิน 3 เดือนเราก็พูดคุยกันได้ ไม่มีการยึดรถ ถ้าหากว่าลูกค้าไม่ยินยอม หรือไม่ประสงค์จะให้ยึดรถ เราก็ต้องประนีประนอม ซึ่งของเรามีกฎที่ค่อนข้างยืดหยุ่นได้ในการประนีประนอม เอื้ออาทร ต่อลูกค้าทุกท่าน

และในช่วงสถานการณ์โควิดเราได้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกค้า 5 มาตรการ คือ 1. พักจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน 2. ขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระออกไปให้ยืดยาวออกไป  3. ลดดอกเบี้ย 4. ลดค่าผ่อนชำระแต่ละงวดให้น้อยลง และ5. ไม่คิดการทวงถาม ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายในการปรับ ในการล่าช้ากับลูกค้า ซึ่งใน 5 มาตรการนี้มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 335 ราย โดยแบ่งเป็นทางภาคอีสาน 222 ราย ภาคเหนือ 31 ราย ภาคตะวันออก 30 ราย ภาคกลาง 37 ราย และภาคใต้ 15 ราย 

ท้ายนี้ถ้าผู้ประกอบการสนใจธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์หรือผู้สนใจกู้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.pico-thailand.com หรือทาง Facebook ของสมาคมฯ และในอนาคตจะมีแอพพลิเคชั่นของพิโกไฟแนนซ์  โดยขณะนี้ทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างจัดทำ คาดว่าไม่เกิน 3 เดือนเสร็จ

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ 5% ลดหรือเพิ่มภาระกันแน่??

Related Posts