Stock Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหุ้น โดยการซื้อขาย Stock Futures 1 สัญญา จะเท่ากับการลงทุนในหุ้นอ้างอิง 1,000 หุ้น และราคาของ StockFutures จะเคลื่อนไหวไปตามราคาหุ้นอ้างอิง
ทำไมต้องลงทุนใน Stock Futures ทั้งที่มีหุ้นให้ลงทุนได้อยู่แล้ว
การลงทุนในหุ้น เป็นการซื้อก่อนขาย นั่นหมายความว่า ผู้ลงทุนต้องหาหุ้นที่กำลังเป็นขาขึ้นเท่านั้น ถึงจะมีกำไร (ซื้อถูก ขายแพง) ในขณะที่ StockFutures ท่านจะซื้อมาก่อนค่อยขายเหมือนหุ้นก็ได้ หรือจะขายก่อนค่อยซื้อสัญญากลับก็ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อหุ้นมาก่อนก็ตาม (ขายแพง ซื้อถูก) เพราะ StockFutures เป็นการทำสัญญาล่วงหน้าเท่านั้น
นั่นหมายความว่า ผู้ลงทุนจะทำสัญญาซื้อหรือจะทำสัญญาขายก็ได้ ดังนั้น StockFutures สามารถเก็งกำไรขาขึ้นได้เหมือนซื้อหุ้น แต่ที่พิเศษกว่า คือการเก็งกำไรตอนหุ้นเป็นขาลงก็ได้ ยิ่งหุ้นที่กำลังมีข่าวไม่ดี หรือผลประกอบการไม่ดี ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลง ซึ่งการไปยืมหุ้นมาขายอาจช้าและใช้เงินจำนวนมาก แต่เราสามารถทำธุรกรรมขายหุ้นได้ทันที ผ่านการเปิดสถานะขายสัญญาล่วงหน้า (StockFutures) ในตลาด TFEX
ถือหุ้นได้ปันผลแล้วถือ Stock Futures ได้อะไร
การลงทุนในหุ้นเสมือนเป็นเจ้าของกิจการร่วม หากกิจการเจริญรุ่งเรือง บริษัทก็มีกำไร ราคาหุ้นของบริษัทก็เพิ่มขึ้น เจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้นก็มีโอกาสได้เงินปันผล ดังนั้น การลงทุนในหุ้นจึงมีโอกาสได้ผลตอบแทนในรูปของกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain) และเงินปันผล (Dividend) ในขณะที่ StockFutures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่ใช่การลงทุนในหุ้นโดยตรง ผลตอบแทนจึงเน้นไปที่การทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอ้างอิง
การซื้อขาย Stock Futures ใช้เงินเท่าไหร่
การซื้อขาย StockFutures เราใช้กลไกการวางเงินประกันก่อนเปิดสถานะสัญญา โดย StockFutures ทุกตัวจะมีอัตราเงินประกันไม่เท่ากัน ซึ่งไม่ว่าท่านจะเป็นฝั่งซื้อหรือฝั่งขาย ก็ต้องวางเงินประกันก่อนเปิดสถานะ
โดยผู้ลงทุนสามารถดูอัตราเงินประกันได้ที่เว็บไซต์ของแต่ละโบรกเกอร์หรือที่โปรแกรมเทรด เช่น PTT Futures 1 สัญญา (หรือ 1,000 หุ้น) มีอัตราวางเงินประกัน 5,000 บาท แปลว่า เราสามารถเก็งกำไรขาขึ้น หรือเก็งกำไรขาลงของหุ้น PTT ได้ด้วยเงินจำนวนน้อยกว่าซื้อหุ้นทั้งจำนวน แล้วก็น้อยกว่าการยืมหุ้นมา ชอร์ตหุ้น อีกอย่างคือ การเทรด PTT Futures สามารถเปิดสถานะได้ทั้งฝั่งซื้อ ฝั่งขาย เปิดบัญชีมีเงินก็เทรดได้เลย
กังวลหุ้นตกแต่ไม่อยากขายหุ้นให้ขายฟิวเจอร์สแทนคืออะไร
หลายคนถือหุ้นมานาน ได้หุ้นมาตั้งแต่ราคาต่ำๆ เงินปันผลก็ยังได้รับดีอยู่ ช่วงเศรษฐกิจไม่ดีหุ้นจะตก ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากขายหรอก กลับกันอยากจะเอาเงินมาซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ แล้วจะดีไหมถ้าเราสามารถเอาเงินก้อนเล็กๆ ไป Lock มูลค่าหุ้นไม่ให้เปลี่ยนแปลง หรือ Short Against Portfolio หรือก็คือการทำสัญญาขายหุ้นล่วงหน้า ณ วันนี้เลย
การทำแบบนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อหุ้นตก ท่านจะขาดทุนจากหุ้นที่ตก แต่จะกำไรจากสัญญาขายล่วงหน้า แปลว่าไม่ได้กำไร และไม่ขาดทุน
กลับกัน เมื่อหุ้นขึ้น ท่านจะมีกำไรจากหุ้นที่ขึ้น แต่จะขาดทุนจากการขายสัญญาล่วงหน้า แปลว่าก็ไม่ได้กำไร และไม่ขาดทุนเช่นกัน ซึ่งถ้ามองให้ดีจะเห็นว่า กรณีที่ราคาหุ้นตก เราสามารถเอาเงินกำไรไปซื้อหุ้นในราคาถูกลงได้
แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรเลย (ไม่ได้ทำสัญญาขายล่วงหน้า) เราก็ไม่มีเงินใหม่ไปซื้อหุ้น แต่การ Short Futures แล้วมีกำไร เราสามารถเอากำไรไปซื้อหุ้นเพิ่มได้ แถมถ้าหุ้นมีปันผล เราก็ยังได้อยู่ เพราะเราไม่ได้ขายหุ้นออกไป
ใช้ StockFutures เพิ่มอัตราผลตอบแทนได้และถือเป็นการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นยังไง
สมมติมีเงิน 50,000 บาท มั่นใจว่า PTT จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 45 เป็น 46 บาท (คิดแบบไม่รวมค่าคอมฯ) ทางเลือกที่ 1 เอาไปลงทุนใน PTT ที่ราคา 45 ได้มา 1,000 หุ้น เหลือเงิน 5,000 บาท กับทางเลือกที่ 2 เอาเงินไปซื้อ PTT Futures 1 สัญญา ที่ราคา 45 (1 สัญญา = 1,000 หุ้น วางเงินประกัน 5,000 บาท) จะเหลือเงินถึง 45,000 บาท ถ้าหุ้นขึ้นจริงๆ PTT จะมีกำไร (46.00 – 45.00)*1,000 = 1,000 บาท ส่วน PTT Futures ก็จะมีกำไร (46.00 – 45.00)*1*(1,000) = 1,000 บาท
แปลว่า การลงทุนใน PTT Futures 1 สัญญา = การลงทุนในหุ้น 1,000 หุ้น แต่ใช้เงินน้อยกว่ามาก จึงทำให้อัตราผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุน ดังนั้น ถ้ามั่นใจทิศทาง การลงทุนใน Futures ก็น่าสนใจ หรืออีกกรณี มีเงินจำกัด และเลือกหุ้นมาได้ 2 ตัว มั่นใจว่าขึ้นแน่ แต่เงินมีพอซื้อได้แค่ตัวเดียว แบบนี้ถ้าเลือกซื้อ Futures ที่การซื้อขายใช้เพียงเงินหลักประกันบางส่วน ก็อาจทำให้สามารถเข้าไปเก็งกำไรทิศทางได้พร้อมกัน 2 ตัวเลย
แต่ถ้าผิดทาง หุ้นไม่ขึ้นแต่ปรับลงแทน กรณีนี้ก็ขาดทุนในอัตราที่สูงเช่นกัน และจากตัวอย่างข้างต้น ถ้ามองในแง่ของการบริหารเงินลงทุน จะเห็นว่าการซื้อขาย Futures ทำให้เรามีเงินเหลือ สำหรับใช้ในการลงทุนหรือบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว หรือแม้จะลงทุนผิดทาง ก็ยังมีเงินเหลือสำหรับใช้ในการปรับพอร์ตได้ส่วนหนึ่ง
ดังนั้น การใช้ Futures จึงช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
บทความโดย: ตลาดตราสารอนุพันธ์แห่งประเทศไทย
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ผ่าความสำเร็จการเทรดของ Hedge Fund หัวใจสำคัญคือการรู้จักสินค้าและการป้องกันความเสี่ยง