ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดกระแส Social Distance และ Work From Home ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวได้รับอานิสงทีดี โดยเฉพาะ ZOOM ผู้ให้บริการประชุมออนไลน์ที่ก่อนหน้านี้คนไทยอาจจะไม่คุ้นเคย แต่เวลานี้น่าจะเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้าหน้า
ในแง่มุมการลงทุนถือว่าหุ้นตัวนี้มีความน่าสนใจไม่แพ้หุ้นเทคโนโลยีที่เรารู้จักกันอย่างดีเช่น Facebook AMAZON GOOGLE เลยทีเดียว
ZOOM Video Communication INC จดทะเบียนอยู่ในตลาด NASDAQ ใช้ชื่อย่อว่า ZM (ระวังสลับกับหุ้น ZOOM คนละบริษัท) เข้าไอพีโอเดือนเมษายนปีที่แล้ว ด้วยตัวเลขการระดมทุน 751 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากราคาไอพีโอ 36 เหรียญ มูลค่าบริษัท ในตอนนั้นอยู่ที่ 9 พันล้านเหรียญฯ
INC.Com ได้วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ ZOOM ได้รับความนิยมในการใช้งานก็เพราะติดตั้งง่าย ใช้เวลาไม่นานในการทำความเข้าใจ ใช้ได้กับทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟน มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การประชุมมีสีสันเช่นเปลี่ยนพื้นหลัง และที่สำคัญที่สุดคือระบบมีความเสถียรสูง
ณ เวลานี้ถือได้ว่าZOOMเป็นที่ใช้งานของเหล่าบรรดาสตาร์ทอัพและบริษัทด้านเทคโนโลยีไปเรียบร้อยแล้ว จาเดิมที่คนไทยเองยังคุ้นเคยกับการคุยออนไลน์ผ่านทาง Line Group แต่ตอนนี้น่าจะหันมาใช้งานZOOMกันมากขึ้น
หุ้น Growth Stock
หากดูที่ราคาหุ้นในปัจจุบัน 151 ล้านเหรียญ เท่ากับว่าเติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่าจากไอพีโอ และเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 18% ในขณะที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 19%
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ZOOMเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 9 ปีที่เท่านั้นเพราะก่อตั้งในปี 2011 โดยชาวจีนชื่อ Eric Yuan จากอดีตพนักงานระดับบริหารของบริษัท WebEx Communication ตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งเป็นบริษัทระบบ Online conferencing และถูก Cisco ยักษ์ใหญ่ด้านไอที ซื้อไปในปี 2007 ด้วยมูลค่าบริษัท 3.2 พันล้านเหรียญฯ ทำให้เขามีความชำนาญในการสร้างระบบการสื่อสารทางออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูง
ฟีเจอร์หลักจะเน้นไปที่การประชุมในเชิงธุรกิจเป็นหลักต่างจากแอปพลิเคชั่นอื่นอย่าง Skype หรือ Line ที่เน้นการพูดคุยระหว่างกลุ่มเพื่อนมากกว่า
Zoomมีลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐฯมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มมหาวิทยาลัยและบริษัทใน Fortune 500 companies อย่างเช่น UBER และ Wells Fargo รูปแบบธุรกิจของบริษัทมีทั้งการขายแพกเกจบริการให้กับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่รวมถึงเอสเอ็มอีซึ่งเป็นรายได้หลัก โดยมีขายให้กับผู้ใช้รายย่อยไม่มากนัก
รายงานประจำปี 2019 ระบุว่าบริษัทมีลูกค้าองค์กรที่มีจำนวนพนักงานผู้ใช้งาน 10 คนขึ้นไปกว่า 50,800 แห่ง เติบโตจากปี 2018 ที่มีทั้งหมด 25,800 แห่ง คิดเป็นการเติบโตกว่า 100% และมีลูกค้าที่สร้างรายได้เกิน 100,000 เหรียญ จำนวน 344 ราย เติบโตจากปีก่อนที่มี 143 ราย
งบการเงินของ ZM
กำไรสุทธิล่าสุดของ ZM (สิ้นสุดเดือนมกราคม 2020) มีรายได้รวม 622.66 ล้านเหรียญฯและมีกำไรสุทธิ 25.3 ล้านเหรียญ เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 330.52 ล้านเหรียญ และกำไรสุทธิ 7.58 ล้านเหรียญ
ทางบริษัทได้ออกมาเผยว่ายอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะสามารถขึ้นไปถึง 201 ล้านเหรียญสหรัฐ นักวิเคราะห์จาก International Data Corp คาดว่าซีวีซีจะสามารถทำงานเงินได้มากถึง $4,310 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2022
ด้านอัตราส่วนการเงิน บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นถึง 81.47% แต่มีอัตรากำไรสุทธิเพียง 4.06% ปัจจุบันเทรดที่พีอี 1,738.68 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม 53.43 เท่า ถือว่าแพงมาก
ปัจจุบันแอปพลิเคชันZoomมียอดดาวน์โหลดสูงถึง 2.4 ล้านครั้งต่อเดือน จำนวนพนักงานเติบโตอย่างรวดเร็วจากจุดเริ่มต้นไม่ถึง 100 คนตอนนี้มีจำนวนพนักงานกว่า 660 คน
ต้องจับตาต่อไปว่า ZOOM จะมีการเติบโตในปีนี้แบบก้าวกระโดดจากกระแส Work From Home ที่ถูกจุดขึ้นในปีนี้หรือไม่ แม้ว่าราคาหุ้นจะเรียกได้ว่าซื้ออนาคตไปล่วงหน้าแล้วก็ตาม สำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในหุ้นเติบโตหรือ Growth Stock ในต่างประเทศก็ลองศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้
ข้อมูลจาก investing.com ,inc.com
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : พลิกวิกฤตหาโอกาสลงทุนตลาดหุ้นจีน