ปัจจุบันตลาดการเงินได้ถูกเชื่อมโยงเข้าถึงกันหมด ผลกระทบที่เกิดขึ้นในอีกประเทศหนึ่งย่อมส่งผลต่อตลาดการเงินของทั้งโลกไปด้วย เม็ดเงินลงทุนทั่วโลกจึงพร้อมที่จะไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว ออกจากแหล่งที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปยังที่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเสมอ เทรดเดอร์จึงสามารถหา Asset ที่ดีในการลงทุนได้ตลอดเวลา
ผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนมาพอสมควร จึงควรมองหาโอกาสที่จะออกไปลงทุนในต่างประเทศผ่านสินค้าประเภทต่างๆ แม้ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว แต่มีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนลดน้อยลงในอนาคตได้เช่นกัน และมีโอกาสที่ Asset อื่น จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้เช่นกัน เราลองไปดูกันว่า ผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศ มีอะไรบ้าง
Stock หรือหุ้นรายตัว เราสามารถลงทุนหุ้นรายบริษัทได้โดยตรง โดยได้รับสิทธิต่างๆ เช่น ปันผล ประชุมผู้ถือหุ้น เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตลาดหลักที่นิยมลงทุนกันคือ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง ทำให้เรามีโอกาสได้เป็นเจ้าของบริษัทชั่นนำอย่าง Facebook,Google ได้เช่นกัน
FOREX หรือค่าเงิน เป็นการเทรดระหว่างสองสกุลเงินหลักของโลกที่มีความเคลื่อนไหวระหว่างกัน เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับค่าเงินยูโร ซึ่งเป็นคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นสกุลเงินหลักของโลก สกุลเงินสำคัญของโลกจะประกอบไปด้วย ดอลลาร์สหรัฐฯ ยูโร ปอนด์ ฟรังก์สวิส เยนและเงินหยวน ถือเป็นตลาดอนุพันธ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีสภาพคล่องซื้อขายมากที่สุด
Index Future คือการเทรดดัชนีตลาดหุ้นประเทศต่างๆในรูปแบบของอนุพันธ์ พูดง่ายๆคือเหมือนการเทรด SET50 Index Future นั่นเอง แต่เปลี่ยนมาเป็นดัชนีต่างประเทศ อย่างเช่น Dow Jones Future,DAX Futures,Hang Seng Futures เป็นต้น เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจเทรดโดยเลือกตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต แทนที่จะลงไปเทรดหุ้นเป็นรายตัว
Commodity หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นตลาดอนุพันธ์ที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากค่าเงิน เป็นสินค้าที่เทรดโดยอ้างอิงดีมานด์และซัพพลายในตลาดซื้อขายจริง เช่น ราคาน้ำมันในตลาด Nymex,Brent ราคาทองคำ Comex นอกจากสองสินค้าที่นิยมเทรดกันมากที่สุดแล้ว ยังมีพวก Hard Commodity อย่างเช่น เหล็ก แร่เงิน แพลตตินัม รวมถึง Soft Commodity อย่างเช่น สินค้าเกษตร ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา น้ำตาล น้ำมันปาล์ม ข้าว โดยมีตลาด CME เป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก
Option เป็นตราสารอนุพันธ์ชนิดหนึ่ง ที่นิยมเทรดกัน โดยเป็นการซื้อขาย สิทธิในการซื้อและสิทธิในการขาย (Call-Put Option) ส่วนมากจะนิยมเทรด Option ที่อ้างอิงกับหุ้นรายตัวเนื่องจากใช้เงินน้อยกว่า เช่น Option ที่อ้างอิงกับหุ้น Facebook,Microsoft เป็นต้น ถือเป็นโปรดักต์ที่มีอัตราทดสูง
นอกจากนี้ยังสามารถเทรดตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำลงมาอย่าง ETF,Bond,กอง REITs ที่อยู่ในต่างประเทศได้เช่นกัน เรียกได้ว่าผู้ที่สนใจการลงทุนมี ผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศ ที่หลากหลายได้ทีเดียว
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ลงทุนต่างประเทศ โอกาสที่มากกว่าจำกัดตัวเองแค่หุ้นไทย