ลงทุน เงินดิจิตอล Exchange

เงินดิจิตอล (Cryptocurrency) 6 เหตุผลที่ต้องศึกษาการลงทุนตั้งแต่วันนี้!!

โดย SM1984

เงินดิจิตอล หรือ Cryptocurrency ถือเป็นสินค้าการลงทุนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ถือกำเนิดเหรียญแรกของโลกเมื่อ 11  ปีที่แล้วอย่างบิทคอยน์ ซึ่งสามารสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ โดยจากการจัดอันดับโดย CNN พบว่าบิทคอยน์สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 90,000 เท่า ภายในสิบปีที่ผ่านมา

การจะลงทุนใน เงินดิจิตอล จะต้องซื้อขายผ่านกระดานเทรดที่เรียกว่า Exchange ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นตลาดหุ้นในยุคดิจิทัล ปัจจุบันมี Exchange ทั่วโลกกว่าหนึ่งพันเวบ

สำหรับประเทศไทย อัพเดต ณ วันที่ 11 มกราคม 2563 มีเวบซื้อขายเงินดิจิตอลหรือ Exchange อยู่ด้วยกันสองรายคือ Satangpro และ Bitkub ขณะเดียวกันเรายังสามารถซื้อขายเงินดิจิตอลผ่าน Exchange ระดับโลกได้เช่นกัน โดย Exchange ที่มีภาษาไทยรับรองนั่นคือ OKEX ซึ่งเป็นกระดานเทรดสัญชาติจีน ที่มีวอลลุ่มซื้อขายอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลก เป็นทางเลือกให้นักลงทุนชาวไทย

ลองไปดูเหตุผลที่ทำให้เงินดิจิตอลเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการลงทุน ณ เวลานี้

1.เป็นสินค้าที่ซื้อขายกันทั่วโลก

เงินดิจิตอล ถือเป็นสินค้าระดับโลกที่คนทั่วโลก ทุกภูมิภาคเข้ามาลงทุน ไม่เพียงแต่นักลงทุนบุคคล แต่นักลงทุนสถาบันกำลังนำเงิน Fiat Currency ที่ปกติจะนำไปลงทุนในตลาดหุ้น กองทุน ทองคำ ฯลฯ มาลงทุนในเงินดิจิตอลด้วยเช่นกัน อย่างเช่น CME ที่เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็เปิดให้ซื้อขาย Bitcoin Futures สถาบันการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง Fidellity Asset Management ก็เปิดให้บริการซื้อขายเงินดิจิตอล แสดงให้เห็นว่าคนทั้งโลกกำลังมองเงินดิจิตอลในทิศทางบวก

2.มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต

โอกาสที่สินทรัพย์การลงทุนจะเติบโตและสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ สิ่งๆนั้นจะต้องมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ในอนาคต เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Facebook,Google,Amazon ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ของหุ้นพวกนี้ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว

เงินดิจิตอล ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตและผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญคือเริ่มที่จะได้รับการยอมรับจากบุคคลทั่วไปรวมถึงองค์กรขนาดใหญ่และรัฐบาลแต่ละประเทศมากขึ้น โอกาสที่ราคาเหรียญจะปรับตัวขึ้นตามดีมานด์ที่มากขึ้นเช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจึงมีความเป็นไปได้เช่นกัน นี่จึงเป็นโอกาสในการลงทุนในสภาวะที่ราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

3.ใช้เงินเริ่มต้นไม่สูงมาก

สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนด้วยตัวเองโดยการเปิดพอร์ตหุ้น แม้สมัยนี้จะไม่จำกัดวงเงินขั้นต่ำในการเปิดพอร์ต แต่การที่จะเริ่มต้นลงทุนควรที่จะมีเงินขั้นต้นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ถึงจะสามารถซื้อหุ้นได้หลากหลาย อีกทั้งหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีส่วนใหญ่จะมีราคาที่สูง ซึ่งตัวเลขเงินเริ่มต้นดังกล่าวอาจจะสูงเกินไปสำหรับผู้ที่ยังมีรายได้ไม่มากนัก

แต่เงินดิจิตอลสามารถใช้เงินเริ่มต้นไม่มากนักก็สามารถลงทุนซื้อขายเหรียญต่างๆได้ทั้งหมด แม้แต่บิทคอยน์ซึ่งเป็นเหรียญที่มีราคาสูงที่สุด (ปัจจุบัน 1 บิทคอยน์ต้องใช้เงินกว่า 200,000 บาท)

เพราะเงินดิจิตอลสามารถซื้อขายได้ในหน่วยย่อยที่เล็กมากคือขั้นต่ำอยู่ที่ 0.00000001 บิทคอยน์ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดที่ถูกเรียกว่า Satoshis  เรียกได้ว่าใช้เงินเริ่มต้นเพียงหลักพันบาทก็สามารถซื้อขายเงินดิจิตอลได้แล้ว สำหรับคนที่มีเงินทุนเริ่มต้นไม่มากจึงน่าจะต้องลองซื้อขายดูเป็นการฝึกซ้อมฝีมือ หากสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องก็ค่อยเพิ่มวงเงินในการเทรด แต่ถ้าเกิดการขาดทุนก็ยังจำกัดความเสียหายด้วยเงินจำนวนน้อย

4. สามารถเปิดพอร์ตและซื้อขายได้บนออนไลน์ทั้งหมด

ข้อดีสำหรับนักลงทุนที่สนใจซื้อขายเงินดิจิตอลคือขั้นตอนการสมัครและซื้อขายสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ต่างจากการเปิดพอร์ตลงทุนในหุ้นหรือผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบดั้งเดิมที่บางครั้งยังต้องพึ่งพาการกรอกใบสมัครผ่านกระดาษหรือออฟไลน์

แต่การลงทุนในเงินดิจิตอล ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพหรือฟินเทคที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถเปิดพอร์ตและซื้อขายผ่านเวบไซท์หรือแอปพลิเคชั่นได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีความรวดเร็วในการให้บริการโอนเงิน ฝากถอนได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่

5. สามารถนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้

หากเป็นสินทรัพย์การลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในแง่ของส่วนต่างกำไรหรือ Capital Gain หรือเงินปันผล ดอกเบี้ย ฯลฯ แต่มีเพียงไม่กี่สินทรัพย์ที่ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเงินดิจิตอลสามารถทำได้โดยนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการบัตรเดบิตที่สามารถฝากเงินดิจิตอลเข้าไปในบัตรและสามารถแปลงเป็นเงิน Fiat มาใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่มีเครื่องรับเงินสัญลักษณ์ VISA ได้แล้ว ตัวอย่างเช่นบัตร Wirex Card ไม่นับตู้เอทีเอ็มบิทคอยน์ที่เริ่มแพร่หลายขึ้น หลายๆประเทศอย่างญี่ปุ่นก็เปิดรับบิทคอยน์ให้สามารถซื้อสินค้าได้ตามร้านค้าทั่วไปเป็นจำนวนมาก แถมยังมีค่าธรรมเนียมการใช้งาน การโอนเงิน ที่ต่ำมากหรือไม่มีเลย

อนาคตหากมูลค่าของเงินดิจิตอลเพิ่มขึ้นกำลังซื้อในบัตรของเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน สามารถมองเป็นการลงทุนในระยะยาวได้แบบเดียวกับการสะสมสกุลเงิน Fiat Currency ปกติ

6. มีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย

ปัจจุบันเงินดิจิตอล ได้ถูกพัฒนาให้เป็นโปรดักต์ที่มีความหลากหลายไม่แพ้ผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบดั้งเดิม ปัจจุบันได้มีการให้บริการตราสารอนุพันธ์ (Derivative) ของเงินดิจิตอล เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่มีการวางมาร์จิ้น ฟิวเจอร์สและออปชั่น ซึ่งเข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับนักลงทุนได้อย่างมาก

นื่องจากสินค้าอนุพันธ์นั้นสามารถเพิ่มผลตอบแทน (Leverage) โดยไม่ต้องใช้เงินมาก อีกทั้งยังสามารถทำกำไรในแนวโน้มขาลงโดยใช้ Futures และใช้ Options ในการประกันความเสี่ยง

โดยที่ OKEX นั้นถือเป็น Exchange ที่มีปริมาณซื้อขายอนุพันธ์ของเงินดิจิตอลสูงที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2019 ข้อมูลจาก Cryptocompare ระบุว่า OKEX มีวอลลุ่มซื้อขายอนุพันธ์ของเงินดิจิตอลอยู่ที่ 91,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะปรับตัวลดลงจากเดือนตุลาคม 0.4% แต่เมื่อเทียบกับ Exchange อื่นที่ให้บริการอนุพันธ์อย่าง Huobi,BITMEX และ Binance จะมีวอลลุ่มที่ลดลงมากกว่า

นอกจากนี้ OKEX ยังมีผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ของ เงินดิจิตอล ที่ครบถ้วนทั้ง Margin,Futures และล่าสุดคือ Options ซึ่งมี Exchange เพียงไม่กี่รายในโลกที่ให้บริการครบถ้วนแบบนี้ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำกำไรในการซื้อขายได้ในทุกสภาวะตลาด

ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้บอกให้เรารู้ว่าควรเริ่มต้นศึกษาการลงทุนในเงินดิจิตอลตั้งแต่วันนี้!!

Related Posts