ตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าตลาดทั้งหมดราวๆ 15 ล้านล้านบาท หรือราวๆ 5 แสนล้านเหรียญ
ดูเผินๆ ก็ว่าใหญ่แล้ว แต่ตลาดอนุพันธ์ในระดับโลกนั้น มีมูลค่าตลาดนับล้านล้านเหรียญ ใหญ่กว่าหุ้นไทยมากนัก
นักลงทุนส่วนใหญ่อาจไมได้สนใจเรื่องของมูลค่าตลาดสักเท่าไหร่ แต่ถ้าวันใดวันนึง พอร์ตการลงทุนของเราเริ่มโตขึ้นจนถึงระดับสิบล้านบาท หุ้นหลายตัวที่เคยขึ้น 2-3 เท่าในเวลาอันรวดเร็วก็อาจหายากขึ้น หรือต่อให้หาได้ เวลาจะขายหุ้นกลับต้องมาเจอปัญหาสภาพคล่องแทน ขายแล้วราคาร่วงเกิน 5% ก็ยังเกิดขึ้นได้
จุดนั้นเอง ที่เราจะเริ่มให้ความสำคัญกับ “ขนาด” ของตลาดมากขึ้น และตลาดอนุพันธ์ในระดับโลกอย่าง CME ก็เป็นคำตอบสำหรับนักลงทุนจำนวนไม่น้อยเลย
ตลาด CME คืออะไร?
ตลาดCME หรือ CMEGroup เป็นตลาดการซื้อขายสินค้าอนุพันธ์รายใหญ่ที่สุดระดับโลกที่มีสินค้าเพื่อการลงทุนที่หลากหลาย และเป็นที่นิยมของนักลงทุนทั่วโลก ครบครันไปด้วยสินค้าที่นักลงทุนไทยทั่วไปคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ COMEX, น้ำมัน NYMEX, ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P500, Dow Jones, Nasdaq และสินค้า FX รวมทั้งสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง Bitcoin Futures ด้วยเช่นกัน
อะไรที่คนนิยมเทรด
การเข้าไปเทรดในตลาดCME โดยตรงนั้นอาจทำได้ยาก วิธีการเปิดบัญชีแล้วเทรดผ่านโบรคเกอร์ในไทยดูจะเป็นตัวเลือกที่สะดวกกว่าและได้รับความนิยมมากกว่า หลายโบรคเกอร์ในไทย เช่น แม่ทองสุก จะมีสินค้าให้เทรดด้วยกันสามตัวคือ ทองคำ (จะมีทั้งฟิวเจอร์สไซส์ปกติ และแบบ E-micro ที่ขนาดสัญญาเล็กลงมา), เงิน (silver) , และทองแดง นั่นเท่ากับว่านักลงทุนก็สามารถซื้อขายผ่านประเทศไทยได้ เพียงแต่เราจะต้องซื้อขายในช่วงห้าโมงเย็นถึงตีสี่ เพราะอิงตามเวลาเปิดปิดตลาดในต่างประเทศ
ใหญ่กว่าแต่ก็เสี่ยงกว่า
ต้องไม่ลืมว่า ตลาด COMEX เป็นตลาดสำหรับซื้อขายอนุพันธ์ทางการเงิน มันจึงมีเรื่องของ margin เข้ามาเกี่ยวข้อง การบริหารความเสี่ยงจึงต้องเพิ่มดีกรีความเข้มข้นอีกพอสมควรเมื่อเทียบกับหุ้น ถ้าซื้อหุ้นแล้วผิดทาง เรายังถือต่อเพื่อรอให้ราคากลับมาได้ แต่สำหรับอนุพันธ์ทั้งหลาย ถ้าเปิดสถานะแล้วราคาไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ความผันผวนเพียงเล็กน้อยก็ทำให้นักลงทุนหมดตัวได้ไม่ยาก
อีกทั้งสินค้าที่เทรดในตลาดCME โดยธรรมชาติของมันจะมีความผันผวนมากกว่าหุ้น ในตลาดหุ้นไทย ปัจจัยที่กระทบต่อราคาอาจจะเป็นปัจจัยในประเทศเสียส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นสินค้าในตลาดCME (ทองคำ เงิน หรือทองแดง) ปัจจัยที่เข้ามากระทบมันมาจากทั่วโลก ความผันผวนที่มากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมรับมือให้ได้
แต่ตลาด CME ก็ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้น ความเสี่ยงอาจมากกว่า ความผันผวนอาจมากกว่า แต่ก็แลกกับสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นมหาศาล และอนุพันธ์คือสินทรัพย์ที่เราสามารถทำเงินได้ทั้งสองทิศทาง นักลงทุนจึงสามารถวางกลยุทธ์ได้มากกว่าหุ้นมากมายนัก
เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนไทยที่ต้องการไปโกอินเตอร์ต่างประเทศ
