เทคโนโลยีที่ดีขึ้นได้ส่งผลให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน จากยุคที่การซื้อขายต้องทำผ่านการเคาะกระดาน มาสู่การโทรศัพท์ และสูดท้ายคือยุคของอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก เราก็สามารถลงทุนได้ และต่อให้อยู่ในประเทศไทย เราก็สามารถ ลงทุนต่างประเทศ ได้
แต่ทำไมเราต้องลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทยด้วยล่ะ?
ไปเทรดตลาดต่างประเทศทำไม?
ต้องเข้าใจก่อนว่า ตลาดการลงทุนในต่างประเทศส่วนมากแล้วจะเกิดมานานกว่าของไทย ทำให้สินค้าต่างๆ มีการพัฒนาไปจนทิ้งห่างกับเราแบบไม่เห็นฝุ่น นอกจากนั้น หากเป็นตลาดหุ้นชั้นนำของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ ฯลฯ จะมีหุ้นของบริษัทระดับโลกให้เราเลือกได้ไม่รู้จบ หรือหุ้นขนาดกลางที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
อีกทั้งสภาพคล่องที่เยอะกว่ามหาศาล เห็นภาพชัดที่สุดก็คือออปชั่น ในประเทศไทยมีคนเล่นออปชั่นอยู่ค่อนข้างน้อย สภาพคล่องก็ต่ำ และมีให้เลือกลงทุนไม่เยอะนัก แต่ออปชั่นในหลายๆ ประเทศได้รับความนิยมพอตัว นักลงทุนจึงสามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้หลากหลายขึ้น
ยิ่งในยุคนี้การ ลงทุนต่างประเทศ สามารถดำเนินการเปิดบัญชีผานบริษัทหลักทรัพย์ของไทยได้เลย ไม่ต้องยุ่งยากทำเอกสารหรือถึงขั้นบินไปต่างประเทศเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ต้องระวังเสมอว่า การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงมากกว่าในตลาดหุ้นไทย ยิ่งเล่นในตลาดใหญ่ขึ้น ก็ยิ่งเจอผู้เล่นที่โหดขึ้น
ลงทุนต่างประเทศทางอ้อม
หากนักลงทุนท่านใดไม่สะดวกที่จะลงทุนต่างประเทศโดยตรงก็สามารถลงทุนผ่านกองทุน FIF (Foriegn Investment Funf) ซึ่งมีโปรดักต์ให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย เช่น ลงทุนในธีมหุ้นเฮลธ์แคร์ หุ้นบริษัทพัฒนาเอไอ หรือจะลงทุนเป็นรายประเทศเช่น กองทุนที่ลงทุนเฉพาะประเทศจีน แม้แต่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ น้ำมัน ฯลฯ ซึ่งมีความสะดวกในการลงทุนเพราะบลจ.เกือบทุกแห่งจะมีกองทุน FIF ให้เลือกลงทุน และใช้เงินลงทุนขั้นต่ำไม่มากนัก
ตอนนี้บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งในไทยก็เริ่มมีบริการกองทุน ETF ที่อิงกับ Index Fund ของตลาดหุ้นต่างประเทศบ้างแล้ว รวมถึง DR หรือ Depositary Receipt ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีราคาอ้างอิงกับ Index Fund ของเวียดนาม ก็ทำให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ง่ายกว่าที่เคย
ต่างประเทศก็มีความเสี่ยง
การลงทุนทุกที่ในโลก สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือความเสี่ยง ไม่ว่าตลาดจะพัฒนาไปแค่ไหนก็ยังมีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ อันที่จริง ยิ่งตลาดการลงทุนในประเทศใดพัฒนามากขึ้น ก็ดูเหมือนว่าความเสี่ยงและความผันผวนจะยิ่งสูงกว่าเดิมเสียอีก หุ้นบางตัวที่ผลประกอบการออกมาต่ำกว่าบทวิเคราะห์ อาจทำให้ราคาดิ่งหนัก 50% ในวันเดียวได้ไม่ยาก นี่คือความเสี่ยงข้อแรก
ข้อที่สองคืออัตราแลกเปลี่ยน สมมติเราลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาและได้ผลตอบแทน 20% แต่ในช่วงเวลานั้น ค่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นจาก 35 เป็น 30 บาท กำไรที่แท้จริงของเราจะลดลงเพราะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นี่คือความเสี่ยงที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้หากลงทุนในตลาดต่างประเทศ
และข้อที่สามคือข้อมูล การลงทุนในต่างประเทศมีสิทธิ์ที่เราจะได้รับข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่รวดเร็วเท่ากับคนในพื้นที่เท่าไหร่ ถ้าเป็นตลาดหุ้นที่เจริญแล้ว ข้อมูลต่างๆ อาจมีความน่าเชื่อถือมากพอให้เรานำมาใช้วิเคราะห์การลงทุนได้
แต่ตลาดหุ้นเกิดใหม่หลายแห่ง ข้อมูลต่างๆ ที่บริษัทนำเสนอ ทั้งงบการเงิน ยอดขาย หรือโอกาสเติบโตของบริษัท เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันจริงเท็จแค่ไหน ยิ่งบริษัทเล็กๆ ในต่างประเทศก็ยิ่งยากต่อการหาข้อมูล และถ้าเราเชื่อในข้อมูลบางอย่างที่ไม่ใช่ “ข้อเท็จจริง” จนเอามาตัดสินใจลงทุนแบบเป็นตุเป็นตะ ก็อาจขาดทุนจากการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดได้
ลงทุนต่างประเทศ อาจเป็นได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยง แต่มันจะเสี่ยงมากเกินไปถ้าเราไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ดี
