แวดวงการตลาดหุ้นโลกปี 2562 แม้จะยังต้องเผชิญกับความผันผวนจากประเด็นสงครามทางการค้า รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอยู่ แต่ก็ดูจะคึกคักไม่น้อย โดยเฉพาะการเข้ามาระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน หรือการขายหุ้น ไอพีโอ โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีที่เป็นการชนกันของไอพีโอยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีกอย่าง “อาลีบาบา” กับยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันอย่าง “ซาอุดีอารามโก”
หุ้นทั้งสองล้วนสร้างประวัติศาสตร์ในแวดวงตลาดหุ้นทั้งคู่ อย่าง “อาลีบาบา” ที่ระดมทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง หลังจากเคยถอนหุ้นออกไปเนื่องจากข้อจำกัดที่ตลาดหุ้นฮ่องกงไม่อนุญาตให้ซื้อขายหุ้นหลายคลาส แบ่งเป็นหุ้นแบบมีสิทธิโหวตออกเสียง กับแบบไม่มีสิทธิออกเสียง
แต่การกลับมาเทรดในครั้งนี้ด้วยเหตุผลของทาง CEO ที่ต้องการกระจายการลงทุนมายังนักลงทุนชาวเอเชีย ในขณะเดียวกันก็สร้างสถิติใหม่เป็นการขายหุ้น ไอพีโอ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 9 ปีของตลาดหุ้นฮ่องกง โดย “อาลีบาบา” สามารถระดมทุนได้มากถึง 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่นับรวมหุ้น Greenshoe อีก 500 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถระดมทุนในสูงถึง 12,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเมื่อ ก.ย. 2557 “อาลีบาบา” เคยระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กมาแล้ว โดยครั้งนั้นก็สร้างสถิติเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สถิตินี้ก็จะถูกโค่นด้วยหุ้นอย่าง “ซาอุดีอารามโก” ที่เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นริยาดของซาอุดีอาระเบียในเดือน ธ.ค. 62
“ซาอุดีอารามโก” เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย โดยเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ) ประมาณ 1.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด หรือมูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 51 ล้านล้านบาท สูงสุดในแวดวงการระดมทุนของโลกเท่าที่เคยมีมา
ด้าน “MSCI” ประกาศว่า จะนำหุ้น “ซาอุดีอารามโก” เข้าคำนวณดัชนี MSCI Equity Indexes ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 62 เป็นต้นไป ขณะที่ S&P Dow Jones และ FTSE Russell ก็ระบุว่าจะรวมหุ้นซาอุดี อารามโค ในการคำนวณดัชนีหุ้นระดับโลกของเช่นกัน
หากย้อนดูข้อมูล ไอพีโอ ระดับโลกในปีนี้ นับเฉพาะตั้งแต่ไตรมาส 1 – 3 ของปี 62 ไม่รวมข้อมูลของ “อาลีบาบา” และ “ซาอุดีอารามโก” จากข้อมูล “Global IPO Watch” ของ PwC จะพบว่า 10 อันดับหุ้นไอพีโอที่มูลค่าการระดมทุนสูงสุด อันดับ 1 คือ “Uber Technologies” ระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ด้วยมูลค่า 8,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การเข้ามาเมื่อศุกร์ที่ 10 พ.ค. 62 ของ Uber อาจไม่ใช่ฤกษ์ที่ดีมากนัก กลายเป็น เพราะราคาหุ้นร่วงลงต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐ และราคาก็ร่วงไปกว่า 18% ไปอยู่ที่ 37 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากนั้น 2 วัน
ทั้งที่ “Uber” ถูกจับตามองว่าเป็นหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ตัวหนึ่งของปี แต่จังหวะที่เข้ามาเทรดบังเอิญโชคร้ายไปตรงกับวันที่ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ สหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก10% เป็น 25% ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดในแดนลบทั้งตลาด ทำให้ “Uber” ก็ไม่หลีกหนีพายุลูกนี้ได้พ้น
อันดับที่ 2 คือ “Budweiser Brewing Companey APAC” ของ AB InBev บริษัทเบียร์รายใหญ่ที่นำธุรกิจในทวีเอเชีย ซึ่งมีพอร์ตโฟลิโอเบียร์กว่า 50 แบรนด์ มาระดมทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง ด้วยมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นความพยายามรอบที่ 2 หลังจากล้มไปเมื่อ ก.ค 61 ที่วางเป้าระดมทุนถึง 9,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นักลงทุนให้ความสนใจน้อย และมูลค่าบริษัทที่ดูแล้วอาจจะแพงกว่าคู่แข่ง ทำให้การระดมทุนครั้งแรกต้องล้มไป และไม่สามารถล้ม “Uber” ได้
อันดับ 3 คือ “Avantor” ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก มูลค่า 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ , อันดับ 4 หุ้น “Lyft” คู่ปรับกับ “Uber” ที่เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กก่อนเพียง 1 เดือน กับอีก 12 วัน ด้วยมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สำคัญยังทำผลงานได้ดีกว่า “Uber” ทั้งที่เป็นมวยรอง ด้วยราคาเปิดที่พุ่งถึง 21% ไปแตะที่ 87.24 ดอลลาร์สหรัฐ จากราคาไอพีโอที่ 72 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆ ขยับลง จนมาต่ำกว่าราคาไอพีโอในวันที่ 2 ด้วยราคา 69 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ถือว่าผลงานดีกว่าคู่แข่งมาก
ส่วนอันดับ 5 เป็นของหุ้นธนาคารสัญชาติอิตาเลียน “Nexi” ที่ระดมทุนในตลาดหุ้นอิตาลี ด้วยมูลค่า 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หากดูบรรยากาศของหุ้น ไอพีโอ ระดับโลกในปีนี้ต้องถือว่าคึกคักด้วยมูลค่า โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีที่มีหุ้นใหญ่ทั้ง “อาลีบาบา” และ “ซาอุดีอารามโก” เข้ามาระดมทุน ด้วยมูลค่าที่ทำสถิติเป็น 2 อันดับแรกของปีทั้งคู่ สร้างบรรยากาศความน่าสนใจให้วงการตลาดหุ้นของโลกเป็นที่น่าจดจำของปี 2019