ตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมมือก.ล.ต. เปิดเผยผลวิจัยพบประชากรกลุ่ม GENY มีแนวโน้มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและกองทุนรวมมากขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาแต่ยังลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไม่เป็นส่วนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าลงทุนในกองทุนรวมมากสุดขณะที่ GENX เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าลงทุนในตลาดหุ้นมากสุด
นายพลภัทรวินัยบดีฝ่ายวิจัย สำนักงาน ก.ล.ต.เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีผู้ลงทุนในกองทุนรวมจำนวน 6.86 ล้านบัญชี โดยมีผู้ลงทุนรายบุคคลบุคคล 1.41 ล้านคน โดยกลุ่ม GENX เป็นกลุ่มที่ลงทุนในกองทุนรวมมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มคนGENY โดย GENY เป็นกลุ่มคนที่มีการลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนคน ในช่วงปี 57-61
ขณะเดียวกัน แม้กลุ่มGENY จะยังมีมูลค่าลงทุนในกองทุนรวมไม่เยอะมาก แต่แนวโน้มที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้คาดว่ากลุ่มคนGENY จะเข้ามามีบทบาทในการลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นปี 61 กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่มีกการลงทุนในกองทุนรวมมากที่สุด มีการลงทุนลดลงกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ ผู้ลงทุนในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์จะเริ่มนำเงินลงทุนออกจากพอร์ตการลงทุนนั่นเอง ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องกลับมาคิดต่อว่า จะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างไรเพื่อทำให้กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ยังคงนำเงินลงทุนอยู่ในกองทุนรวม แม้ตนเองจะเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว
ส่วนการเข้าถึงการลงทุนในกองทุนรวมมีอัตราคิดเป็น 34% ของผู้เสียภาษีทั้งประเทศ โดย GENX เป็นกลุ่มคนที่เข้ามาลงทุนในกองทุนรวมคิดเป็นจำนวนคนมากที่สุด รองลงมาคือGENY โดย 5 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนของ GENY มีการเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2%
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ผู้ลงทุนมีการกระจายการลงทุนค่อนข้างมาก แต่หากเจาะลึกเป็นรายบุคคล นับว่ายังไม่มีการกระจายการลงทุนที่ดีมาก โดยกว่า 8 แสนคน มีการลงทุนในนโยบายการลงทุนเดียวเท่านั้น ซึ่งกลุ่ม GENZ และGENY มีสัดส่วนการลงทุนใน 1 นโยบายสูงมากที่สุด ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องหาวิธีให้กลุ่มคนเหล่านี้กระจายการลงทุนมากขึ้น
ด้านนางสาวอตินุชเฉลิมพงศ์ ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า กลุ่ม GENY และ GENX เป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนคนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากที่สุด โดยกลุ่มGENY มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มคน GENX ยังมีการลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุดหากคิดเป็นมูลค่ารวม
ขณะเดียวกัน จำนวนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีจำนวนกว่า 1.1 ล้านคน ในปัจจุบัน โดยประชากรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุดหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนรายบุคคลมีการเติบโตในรายจังหวัดเฉลี่ย 9%
อย่างไรก็ตาม จากผลงานวิจัยยังระบุอีกว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นเมื่ออายุสูงขึ้น จะมีพฤติกรรมการลงทุนที่ปลอดภัยขึ้น โดยมองหาหุ้นไลฟ์ไซเคิลที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมักสะสมหุ้นเดิมสแบบซื้อซ้ำ เช่นซื้อเข้าอย่างเดียวโดยไม่ขายออกไปเลยคิดเป็น 10% ของตลาด
ส่วนนักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น มีแนวโน้มทนภาวะขาดทุนได้นานขึ้นด้วย แต่ทนกำไรได้ไม่นานนัก ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่ต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการคัตลอสให้เป็น และค่อยย้อนกลับมาซื้อใหม่ในภายหลัง ซึ่งจะเป็นผลดีกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ดี
ทั้งนี้ หากกล่าวโดยสรุป พบว่าปัจจุบันมีประชากร 1 ใน 3 ของจำนวนผู้เสียภาษีเข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น และมีการเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค โดยกลุ่ม GENY มีการเข้าถึงการลงทุนได้เร็วขึ้นและจะเป็นฐานสำคัญของตลาดทุนในอนาคต แต่ GENY ยังไม่มีการกระจายการลงทุนที่ดี และยังคงลงทุนระยะสั้น แต่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์มีการลงทุนในกองทุนรวมคิดเป็นมูลค่ามากที่สุดจากประชากรทุกช่วงวัย โดยจะนำเงินออกจากตลาดทุนหลังเกษียณอายุ