หุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ

หุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ เมกะเทรนด์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

โดย Admin .

หุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ คือหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากวาสิบปี ถือเป็นเมกะเทรนด์ทั้งในปัจจุบันและต่อเนื่องถึงในอนาคตตามพฤติกรรมการจับจ่ายซื้อสินค้าของคนทั่วโลกที่ปรับเปลี่ยนมาสู่โลกออนไลน์มากขึ้น แต่การแข่งขันที่สูงทำให้หุ้นในกลุ่มนี้มีความผันผวนสูงด้วยเช่นกัน

อีคอมเมิร์ซคือเมกะเทรนด์ของโลกทั้งปัจจุบันและอนาคต

คำว่าอีคอมเมิร์ซถูกพูดถึงทั่วโลกกันมากกว่า 20 ปีมาแล้ว แต่การเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญเริ่มมาได้กว่าสิบปีแล้ว โดยความหมายของอีคอมเมิร์ซก็คือการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการทางออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน แต่ทำรายการผ่านเวบไซต์หรือแอปพลิเคชั่น

โดยอีคอมเมิร์ซมีหลายรูปแบบเช่น B2B (Business-to-Business) หรือภาคธุรกิจมาจับคู่ทำธุรกิจด้วยกันเอง B2C (Business-to-Customer) หรือภาคธุรกิจเปิดร้านให้ลูกค้าทั่วไปมาซื้อและ C2C (Customer-to-Customer) ซึ่งลูกค้าทั่วไปสามารถเปิดร้านและซื้อขายสินค้ากันเองได้

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : 6 ข้อสงสัยสำคัญกับการลงทุนต่างประเทศ

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซมีความชัดเจนขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจนเกิดการ Lockdown ทั่วโลกและอีคอมเมิร์ซก็มีบทบาทมากขึ้นจากเดิมที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มปรับเปลี่ยนมาเป็นการจับจ่ายซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น

ทั้งนี้ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะเป็นตัวกลางที่ทำหน้าที่วางระบบการเลือกซื้อสินค้าการชำระเงินการเปิดร้านค้าตลอดจนการจัดส่งสินค้ารายได้ที่เกิดขึ้นจะมาจากส่วนแบ่งจากการทำธุรกรรมต่างๆทั้งจากร้านค้าและผู้ซื้อนั่นเอง

อย่างไรก็ตามบทบาทของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซคือต้องทำให้ร้านค้าต่างๆและผู้ซื้อมาใช้บริการให้มากที่สุดทำให้ต้องมีการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานแพลตฟอร์มให้มีเสถียรภาพรวมถึงงบด้านการตลาดเช่นส่วนลดต่างๆเพื่อดึงดูดผู้ซื้อต่างๆทำให้อีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างน้อยต้องอาศัยวอลลุ่มซื้อขายจำนวนมหาศาล

E Commerce

ETF กลุ่มอีคอมเมิร์ซที่น่าสนใจ

ETF ที่ลงทุนในอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ Amplify Online Retail ETF หรือ IBUY เน้นสร้างผลตอบแทนเทียบเคียงดัชนี EQM Online Retail Index ลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ 42 บริษัททั่วโลก

ขณะที่ ProShares Online Retail ETF เน้นลงทุนตามดัชนี ProShares Online Retail Index เน้นลงทุนในบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ทั่วโลกอย่างเช่น Amazon และ Alibaba

แต่ถ้าต้องการลงทุนในบริษัทอีคอมเมิร์ซในเอเชียเป็นหลักต้อง Emerging Markets Internet & Ecommerce ETF หรือ EMQQ แบ่งเป็นลงทุน 60% ในบริษัท E-Commerce ในจีน และอีก 10% ในบริษัทในเกาหลีใต้ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในญี่ปุ่นและอเมริกาใต้ จุดเด่นของ ETF นี้จึงเป็นการกระจายลงทุนธุรกิจในหลากหลายประเทศทั่วโลก 

หุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซที่น่าสนใจ

หากจะแบ่งบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซที่โดดเด่นคงต้องแบ่งตามสัญชาติเป็นหลักเพราะผู้เล่นรายใหญ่ของโลกจะกระจุกตัวอยู่ที่ฝั่งสหรัฐฯและประเทศจีนเป็นหลัก โดยมีบางบริษัทที่เป็นสัญชาติญี่ปุ่น เกาหลีและสิงคโปร์

บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากทางฝั่งจีนแน่นอนว่ามีชื่อของ Alibaba Tencent และ JD.com  ซึ่งเป็นผู้เล่นสามอันดับแรก นอกจากนี้ยังมี Netease 

ทางด้านฝั่งผู้เล่นจากเอเชียก็จะมี SEA ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์และมุ่งเน้นทำธุรกิจในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มดังอย่าง Shoppee ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นก็จะมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Rakuten และฝั่งเกาหลีมี 11 Street

ฝั่งสหรัฐอเมริกาแม้จะมีผู้เล่นหลักเพียงสองรายคือ Amazon และ Ebay แต่แค่เฉพาะ Amazon ก็ครองตลาดในสหรัฐฯเกือบทั้งหมดและยังมีสาขาในยุโรปและอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้เล่นฝั่งเอเชียยังไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ถึง

อีคอมเมิร์ซ

การเติบโตของหุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ

แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจะซาลงไปจนอาจมองว่าอีคอมเมิร์ซไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก ได้เปลี่ยนมาจับจ่ายซื้อของทางออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังเติบโตทุกปี แรงจูงใจนอกเหนือจากความสะดวกแล้วยังมีเรื่องของส่วนลดต่างๆรวมถึงราคาขายที่ถูกกว่าการไปซื้อของในรูปแบบปกติ ทำให้ หุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซ เป็นหุ้นเติบโตหรือ Growth Stock อย่างแน่นอน

การแข่งขันที่รุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังทำให้บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ยังสามารถรอดอยู่ได้มีความเข้มแข็งมากขึ้นอีกทั้งยังมีกระแสของ Social Commerce หรือการใช้สื่อสังคมออนไลน์ควบคู่ไปกับการซื้อสินค้ายังเป็นกระแสใหม่ที่กำลังเติบโตโดยเฉพาะในเอเชีย

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวค่อนข้างสูงต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและผลประกอบการถ้าหากประกาศออกมาเติบโตลดลงจะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นค่อนข้างมากนอกจากนี้การที่ต้องใช้งบการตลาดเป็นจำนวนมากทำให้อัตรากำไรของบริษัทในกลุ่มนี้ไม่สูงมากนัก

จุดแข็ง

** พฤติกรรมการจับจ่ายซื้อของคนทั่วโลกปรับเปลี่ยนมาเป็นออนไลน์มากขึ้น

** การแข่งขันที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริษัทที่เหลือรอดมาได้มีอำนาจทางธุรกิจที่สูง

** Social Commerce คือเทรนด์ใหม่ที่เติบโตรวดเร็วโดยเฉพาะในเอเชีย

จุดอ่อน

** ต้องทุ่มงบการตลาดเพื่อดึงลูกค้าจำนวนมากทำให้อัตรากำไรค่อนข้างน้อย

** ราคาหุ้นค่อนข้างอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ

** บริษัทอีคอมเมิร์ซในจีนยังถูกเพ่งเล็งอย่างหนักจากรัฐบาล

ถ้าหากต้องการลงทุนในหุ้นเติบโตหุ้นกลุ่มอีคอมเมิร์ซยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆแม้จะมีความผันผวนสูงแต่ถึงอย่างไรพฤติกรรมของผู้บริโภคยังคงเติบโตในช่องทางออนไลน์อย่างแน่นอนเมกะเทรนด์ดังกล่าวจึงยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

สนใจเรียนหลักสูตรออนไลน์ด้านการลงทุนคลิ๊กที่นี้

Related Posts