Bitazza

Bitazza ,Lightnet และ Velo Labs ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาระบบนิเวศทางการเงินยุคใหม่ 


โดย SM1984

Bitazza นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับ Lightnet Group ประกาศความร่วมมือการเข้าซื้อหุ้นBitazza ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้Bitazza เดินหน้าเติบโตธุรกิจได้ โดยการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้นับเป็นการผนึกความร่วมมือแบบพันธมิตรระหว่าง Bitazza, Lightnet Group และ Velo Labs เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินยุคใหม่ ผ่านการเชื่อมต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับเครือข่ายดิจิทัลระดับโลกอย่างไร้รอยต่อ ก่อให้เกิดการเส้นทางการแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินทั่วไปและสกุลเงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานชาวไทยจำนวนหลายล้านคนสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น

ความร่วมมือในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียเริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยเริ่มจากผู้ใช้ในประเทศไทยด้วยการเพิ่มทางเลือกนอกเหนือจากการใช้ SWIFT โดยการมอบเครือข่ายที่มีต้นทุนต่ำใช้งานได้แบบทันทีเกือบเรียลไทม์และสามารถใช้ร่วมกันกับเครือข่ายอื่นๆได้เพื่อมอบบริการด้านการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้ในประเทศไทย

  • Bitazza Lightnet Group และ Velo Labs ร่วมมือกันเพื่อยกระดับโซลูชั่นด้านการเงินและการลงทุนในเอเชียผ่านการขยายเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาค 
  • สร้างระบบนิเวศทางการเงินรูปแบบใหม่ที่จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการโอนระหว่างสกุลเงินทั่วไปและสกุลเงินดิจิทัล ระหว่างสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัลพร้อมทั้งเชื่อมโยงชาวไทยเข้ากับตลาดต่างประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการรวมใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลของBitazza (Digital Asset Broker Licenses) ใบอนุญาตเอ็มพีไอ (MPI) ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับบริการการชำระเงิน (Payment Services Act : PSA) ในความดูแลขององค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore : MAS) และใบอนุญาตของสถาบันเงินตราอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Money Institution : EMI) ในสหภาพยุโรป โดยธนาคารแห่งประเทศลิทัวเนีย ของ Lightnet Group 
  • Velo Tokens รับหน้าที่เป็นสินทรัพย์เพื่อการเชื่อมต่อตัวสำคัญในระบบนิเวศของการเชื่อมระบบการเงินแบบมีศูนย์กลางจัดการ (CeFi) และระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (Defi) เข้าด้วยกัน 
  • BTZ Tokens ทำหน้าที่เป็นยูทิลิตี้โทเคนหลักสำหรับแพลตฟอร์มเพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆของBitazza พร้อมทั้งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของระบบ โดยผู้ถือ BTZ Tokens จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ส่วนลด รางวัล และสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากระบบนิเวศการเงินยุคใหม่

ข้อตกลงระหว่างสามบริษัทนี้จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านความคล่องตัวทางการเงินและความสามารถในการเข้าถึงของผู้ใช้ทั่วเอเชีย Bitazzaจะเป็นทำหน้าที่ประตูนำพาผู้ใช้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจากบริการทางการเงินและสินทรัพย์แบบดั้งเดิมไปสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการใช้ความรู้ความสามารถในฐานะนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในต่างประเทศให้แก่ผู้ใช้ Velo ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชนบนระบบโปรโตคอลด้านการเงินที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ

สำหรับการโอนสินทรัพย์แบบไร้พรมแดนรวมถึงการออกเครดิตในรูปแบบดิจิทัล Lightnet เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายการโอนเงินข้ามพรมแดนชั้นนำของเอเชีย ซึ่งมีความตั้งใจที่จะเข้ามาเพิ่มทางเลือกนอกเหนือจากการใช้ (SWIFT) ผ่านการเชื่อมต่อกับตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อมาแข่งขันกับบริการการโอนเงินข้ามพรมแดนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ด้วยการลดเวลาทำการและค่าบริการที่ลดลง

คุณชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานบริษัท Velo Labs กล่าวว่า “ข้อตกลงนี้เป็นข้อพิสูจน์พันธสัญญาของ Velo Labs และความพยายามอย่างต่อเนื่องของพันธมิตรในการบรรลุเป้าหมายที่จะร่วมมือกันพัฒนาระบบทางการเงินสำหรับผู้ใช้หลายล้านคนในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Micro, Small and Medium-Sized Enterprises: MSME) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นในการมอบโอกาสในการเข้าถึงระบบการเงินในกลุ่มบุคคลทั่วไป ผมหวังว่าการเปิดโอกาสให้Bitazza เข้ามาใช้ประโยชน์จากพันธมิตรในท้องถิ่น อาทิ ทรู และ 7-11 จะทำให้Bitazza สามารถขยายเครือข่ายธุรกิจออกไปได้ทั่วประเทศ”

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้อย่างBitazza และ Velo Labs โดยเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าซึ่งเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) ในประเทศไทย ด้วยการปรับปรุงการเข้าถึงระบบและสุขภาพทางการเงิน” คุณตฤบดีอรุณานนท์ชัยรองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร Lightnet Group กล่าว

คุณกวินพงษ์พันธ์เดชาประธานกรรมการบริหารของ Bitazza กล่าวว่า “แผนของBitazza ที่จะขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดอาเซียน และผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่มี BTZ Tokens อยู่ในโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การลงทุนโดย Lightnet ในครั้งนี้นับเป็นการลงทุนโดยสัญชาตญาณ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายยิ่งขึ้น และขยายความสามารถในการเข้าถึงพันธมิตรผ่านเครือข่ายนักลงทุนใหม่ๆ 

คุณกวินกล่าวเพิ่มเติมว่า “เป้าหมายของเราคือการผลักดันให้ประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เฉกเช่นเดียวกับที่วอลล์สตรีทและซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและเทคโนโลยีตามลำดับ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบและผลักดันประเทศไทย รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมทางการเงินยุคใหม่”

เควินเฮงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Bitazza กล่าวว่า “การร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเปิดโอกาสให้เราเดินหน้าทำตามความตั้งใจ Lightnet ที่จะมอบบริการให้แก่ผู้บริโภคที่ไม่มีบัญชีธนาคาร (unbanked) และเข้าไม่ถึงการบริการที่มีแนวโน้มใช้บริการ (underbanked) ไปพร้อมๆ กันกับแผนของBitazza ในการผลักดันให้เกิดการใช้งานโดยผู้คนจำนวนมาก แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานความคล่องตัวและการเข้าถึงระบบการเงินทั่วเอเชียอีกด้วย ความร่วมมือในครั้งนี้ ทำให้ความตั้งใจของBitazza ที่จะสร้างเครือข่ายการซื้อขายผ่านการทำงานรวมกันระหว่างบริษัท ความสามารถในการเข้าถึงสถาบันทางการเงินท้องถิ่น และการมอบบริการคุ้มครองดูแลสินทรัพย์ กลายเป็นความจริง การผลักดันให้ผู้คนสามารถเข้าถึงและเริ่มใช้งานเทคโนโลยีคริปโตผ่านการมอบโครงสร้างพื้นฐานและเงื่อนไขที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ Bitazzaกลายเป็นแพลตฟอร์มด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเส้นทางเพื่อการเชื่อมโยงบุคคลทั่วไปเข้ากับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวมอย่างชัดเจน”

เกี่ยวกับ Bitazza

Bitazzaก่อตั้งขึ้นโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆตั้งแต่การเงินเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และอื่น ๆ ที่แบ่งปันวิสัยทัศน์เดียวในการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลและการนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของโลกเทคโนโลยีทางการเงิน ภารกิจของ Bitazza ตั้งอยู่บนวิสัยทัศน์ว่าสินทรัพย์ดิจิทัล และการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดบนบล็อกเชนสามารถรวมเข้าด้วยกันได้ และทำงานได้อย่างราบรื่นในอนาคตอันใกล้นี้ ในฐานะนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิทัล Bitazzaช่วยให้คู่ค้าสามารถเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสภาพคล่องและมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดโดยใช้การกำหนดราคาจากทั่วโลกในสกุลเงินอาเซียน Bitazzaมีเป้าหมายที่จะเป็นแพลตฟอร์มทางเลือกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการจดทะเบียนซื้อขายและจัดการคริปโตเคอร์เรนซี ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม 

Bitazzaได้รับใบอนุญาตนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงการคลังของประเทศไทย Bitazzaเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกที่นำเสนอและกำหนดเส้นทางอย่างชาญฉลาดของคำสั่งซื้อในประเทศไปยังตลาดต่างประเทศที่มีสภาพคล่องสูงและโทเคนระบบนิเวศดิจิทัลของตนเองซึ่งจะใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับแพลตฟอร์ม 

เกี่ยวกับ Lightnet

Lightnet Group เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีภารกิจส่งเสริมความสามารถในการเข้าถึงและความคล่องตัวทางการเงินของผู้บริโภคที่ยังเข้าไม่ถึงการบริการที่มีแนวโน้มใช้บริการ (underbanked) และให้บริการซื้อขายด้านการเงินแก่ลูกค้าซึ่งเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) ผ่านระบบนิเวศเพื่อการโอนเงินข้ามพรมแดน Lightnet Group เลือกใช้ Velo Protocol  เป็นบล๊อกเชนโปรโตคอลของบริษัท ยกระดับให้บริษัทมีสถานะเป็นเครือข่ายการชำระราคายุคใหม่ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านการใช้เทคโนโลยีบล๊อกเชน และการเชื่อมต่อระบบการเงินที่มีอยู่แล้วเข้ากับเครือข่ายตัวแทนและกระเป๋าสตางค์เงินสด ในระยะแรก Lightnet Group ให้ความสำคัญกับการโอนเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีจำนวนเงินที่ได้รับการโอนสูงกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

Lightnet ก่อตั้งโดยคุณชัชวาลย์ เจียรวนนท์ สมาชิกในครอบครัวเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในเอเชีย และ Interstellar บริษัทเทคโนโลยีในซานฟรานซิสโก 

เกี่ยวกับ Velo Labs

Velo Labs มีพันธกิจที่จะสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการแลกเปลี่ยนเครดิต หรือ Federated Credit Exchange Network (FCX) และเครือข่ายระบบการชำระเงินแบบไร้ศูนย์กลาง ที่จะช่วยให้พันธมิตรสามารถโอนมูลค่าให้แก่กันและกันได้โดยปลอดภัย ผ่านการใช้ Velo Protocol ปัจจุบัน Velo Labs ทำงานให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการหนุนหลังโดย Stellar Network และ CP Group

Velo Labs มีวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมและก่อให้เกิดการเชื่อมต่อกันระหว่างโครงสร้างพื้นฐานธนาคารที่มีอยู่แล้ว กับระบบการเงินแบบมีศูนย์กลางจัดการ (CeFi) และระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (Defi) เครือข่ายด้านการแลกเปลี่ยนเครดิตของ Velo นับเป็นเครือข่ายที่ได้รับการยอมรับและปรากฎอยู่ทั่วไป ส่งผลให้ Velo Labs กลายเป็นหนึ่งในโปรเจ็คบล๊อกเชนทีมีแนวโน้มว่าจะถูกใช้งานด้วยผู้คนจำนวนมาก (Mass Adoption)

www.velo.org

Related Posts