SE Digital

ถอดรหัส SE Digital และ ERX สู่มาตรฐานใหม่แห่งการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในเมืองไทย

โดย SM1984

SE Digital (เอสอี ดิจิทัล) ผู้ปฏิวัติตลาดทุนยุคใหม่ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล และ ERX (อีอาร์เอ็กซ์) ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มซื้อขายโทเคนดิจิทัลรายแรกของไทย ประกาศความพร้อมเปิดให้บริการซื้อขายโทเคนดิจิทัลเต็มรูปแบบปลายปีนี้ พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนรุ่นใหม่ด้วยช่องทางการซื้อขายที่หลากหลายทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน มอบอิสระการซื้อขายที่คล่องตัวกว่าทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง พร้อมรองรับธุรกรรมดิจิทัลทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

โดย SE Digital จะเปิดรับลงทะเบียนนักลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน SE Digital บนระบบปฏิบัติการ iOS ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และมีกำหนดเปิดตัวแอปพลิเคชันบนระบบ Android ภายในเดือนมกราคม 2564 ส่วน ERX ได้เปิดรับลงทะเบียนแบบสาธารณะผ่านทางเว็บไซต์ er-x.io เพื่อให้นักลงทุนสามารถเตรียมตัวเทรดแล้ว

หลังกระแสเงินคริปโตและการลงทุนกับโทเคนดิจิทัลหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนอย่างไร้การควบคุมจนสร้างความเสียหายทั้งในเรื่องการฉ้อโกงและประเด็นการฟอกเงิน ทำให้นักลงทุนอาจเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล จนกระทั่งมีการตราพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เพื่อจัดระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยให้เป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบได้ และมีการคุ้มครองนักลงทุน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยส่วนหนึ่งของพระราชกำหนดฉบับนี้กำหนดให้การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต้องดำเนินการผ่าน ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เท่านั้น 

SE Digital

นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสอี ดิจิทัล กล่าวว่า “ในฐานะ ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรามีความเชี่ยวชาญในการพิจารณาคัดเลือกโครงการของผู้ระดมทุน (Issuer) ที่มีศักยภาพ เพื่อทำการแปลงสินทรัพย์ของโครงการให้เป็นโทเคนดิจิทัล (Tokenization) ซึ่งจะมอบโอกาสในการลงทุนที่ถูกกฎหมาย โดย เอสอี ดิจิทัล มีพันธมิตรด้านกฎหมายคือบริษัท Baker & McKenzie ร่วมกันกำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบต่าง ๆ ของธุรกรรมให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่ออกโดย สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเป็นการคุ้มครองนักลงทุนให้สามารถลงทุนในโทเคนดิจิทัลได้อย่างชัดเจน โปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน และช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกง”

เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นปกติซึ่งต้องมีทั้งตลาดแรกและตลาดรอง สำหรับตลาดโทเคนดิจิทัล นอกจากจะมีผู้เล่นในตลาดแรกอย่าง SE Digital ซึ่งเป็น ICO Portal ที่เสนอขายโทเคนให้แก่นักลงทุนแล้ว ยังนำเสนอผู้เล่นในตลาดรองอย่าง ERX ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) เพื่อให้นักลงทุนมีช่องทางการซื้อขายโทเคนระหว่างกันได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยยังคงความน่าเชื่อถือไม่ต่างจากตลาดแรก

โดย ERX เป็นบริษัทในเครือ Elevated Returns (ER) ซึ่งเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอการลงทุนของโรงแรม The St. Regis Aspen Resort ในสหรัฐฯ ผ่าน Aspen Coin ซึ่งสามารถระดมทุนได้มูลค่าสูงถึง 18 ล้านดอลลาร์ โดย ERX เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต

นายปิ่นปราชญ์ จักกะพาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ERX กล่าวว่า “ERX ดำเนินงานโดยคณะผู้บริหารซึ่งเป็นกลุ่มมืออาชีพที่มีประสบการณ์รวมกันกว่า 60 ปีในธุรกิจการเงิน ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า ERX เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ มีการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 และยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ เอสอี ดิจิทัล ซึ่งเป็น ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อพิจารณาถึงความพร้อมในด้านต่าง ๆ แล้ว เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการซื้อขายที่ ERX จะได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน”

การลงทุนผ่านโทเคนดิจิทัลมีข้อได้เปรียบด้านความยืดหยุ่นที่มากกว่าการลงทุนในหุ้นปกติ เนื่องจากสามารถกำหนดเงื่อนไขผลตอบแทนและประโยชน์ของโทเคนได้ตามความต้องการของผู้ระดมทุนและนักลงทุน โดยยังคงมีการคุ้มครองนักลงทุนไม่ต่างจากการลงทุนรูปแบบเดิม ๆ และเมื่อมีพระราชกำหนดเป็นกฎหมายคุ้มครองเฉพาะ จึงส่งเสริมให้โทเคนดิจิทัลเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ ปลอดภัย เข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลมากที่สุด

อีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลหน้าใหม่วิตกกังวลมากก็คือเรื่องความปลอดภัยจากการถูกแฮ็กข้อมูล หรือถูก “ขโมย” โทเคนจากกระเป๋านั่นเอง 

เอสอี ดิจิทัล ดำเนินการแปลงสินทรัพย์และดำเนินการเสนอขายโทเคนดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชนของ Tezos (XTZ) ซึ่งมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง พร้อมติดตั้ง 2 ฟังก์ชันเสริมความปลอดภัยให้แก่ Wallet ของนักลงทุน ได้แก่ Whitelist ซึ่งเป็นรายชื่อผู้ถือ Wallet ที่ผ่านการคัดกรองด้วยการระบุตัวตน KYC (Know-Your-Customer)

โดยมีเฉพาะผู้ถือ Wallet ใน Whitelist เท่านั้นที่สามารถซื้อขายโทเคนระหว่างกันได้ ถือเป็นการป้องกันด่านแรกไม่ให้บุคคลภายนอกลิสต์เข้ามาแฮ็กข้อมูล และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นคือ Clawback คือการดึงโทเคนที่ถูกขโมยกลับคืนสู่ Wallet ของผู้ถูกขโมยเมื่อพิสูจน์แล้วว่าเกิดการขโมยโทเคนจริง เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการลงทุนผ่าน เอสอี ดิจิทัล

บทความที่เกี่ยวข้อง : STO vs ICO : แนวทางกำกับดูแลในปัจจุบันและอนาคต

Related Posts