หุ้นลิ่ง

5 เคล็ดลับจับตา “หุ้นลิ่ง”

โดย SM1984

หุ้นลิ่ง หนึ่งในความคาดหวังในใจของนักเทรดหุ้นทุกคนคือ การซื้อหุ้นแล้วได้กำไรก้อนโตอย่างรวดเร็ว และจะสุขสมขึ้นไปอีกถ้ามีโอกาสคว้าหุ้นเด็ดก่อนที่มันจะแผลงฤทธิ์กลายเป็นซิลลิ่ง (Ceiling) ซึ่งเป็นราคาซื้อขายสูงสุดที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดให้สามารถเป็นได้ในวันนั้น ๆ

กระดานหุ้นไทยมีหุ้นสามัญทั้ง SET และ mai รวม 733 ตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะควานหาหุ้นเด็ดได้ก่อนที่มันจะบวกแรงระดับวิ่งชนเพดาน ปรับเพิ่มราว 30% จากวันทำการก่อนหน้า

อย่างดีที่สุดก็ทำได้แค่เฝ้าสังเกตในระหว่างชั่วโมงซื้อขายว่า หุ้นใดมีวอลุ่มมากผิดปกติจากวันก่อนๆ หน้า แล้วจึงลุ้นเมื่อกราฟไปทะลุแนวต้านสำคัญได้อย่างชัดเจน แต่นี่ไม่ได้การันตีว่าหุ้นทุกตัวที่เข้าสูตรนี้จะกลายเป็น หุ้นลิ่ง อีกทั้งด้วยความรวดเร็วของการปรับขึ้นทำให้ส่วนใหญ่นักลงทุนมักเข้าไม่ทันจังหวะที่จะซื้อได้อย่างปลอดภัย

  อย่างไรก็ตามมีเคล็ดลับ 5 ประการที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดกรองหุ้นน่าสนใจก่อนที่จะเกิดอาการ Ceiling ได้ ซึ่งหากไม่นับหุ้นประเภทราคาต่อหน่วยต่ำเป็นพิเศษระดับ 0.01-0.02 บาทที่มักจะทำทั้ง Ceiling-Floor ได้เองบ่อยๆ แล้ว  หุ้นที่ร้อนแรงจนชนเพดานได้ในพริบตาจะต้องมีคุณสมบัติได้แก่

1.มีประเด็นบวกถึงขั้นพื้นฐานเปลี่ยนฉับพลันหรือมีการประกาศแจกของ

พื้นฐานดีย่อมเป็นให้หุ้นที่เคยถูกมองข้ามกลับมาเป็นดาวเด่นได้เสมอ แม้บ่อยครั้งจะเป็นประเด็นที่แค่คาดว่าจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ถ้ามันมีความเป็นไปได้มากพอ ราคาก็พร้อมจะตอบสนองล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว 

โดยประเด็นยอดนิยมมีดังนี้โดนเทคเวอร์, ไปเทคโอเวอร์กิจการ, มีกำไรพิเศษก้อนโต, งบการเงินพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรอย่างมีนัย, มีนโยบายภาครัฐเอื้อต่อการทำธุรกิจ, ได้สัมปทานหรือชนะประมูลงานใหญ่, เปลี่ยนธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีอนาคตกว่า, ประกาศปันผลพิเศษ, แตกพาร์เพิ่มสภาพคล่อง, แจกวอแรนต์ฟรี ฯลฯ

2.เคยราคาร่วงต่อเนื่องจากความหวาดกลัวมากเกินจริง

บางครั้งข่าวลือในทางลบก็เป็นโอกาสสร้างกำไรมหาศาลได้เมื่อหุ้นนั้นๆ ตกหนักเกินความเป็นจริง

ในตลาดหุ้นไทยมีอยู่คำกล่าวหนึ่งคือ “3 ฟลอร์ 1 ลิ่ง” อันหมายถึงเมื่อหุ้นตกหนักราว 30% ต่อเนื่อง 3 วัน วันที่ 4 มักจะดีดตัวได้แรง ซึ่งสูตรนี้ถึงจะไม่ได้เป็นจริงทุกๆ ครั้ง แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่มักเกิดขึ้น 

ในอีกบางกรณี หุ้นที่มีอาการซึมลงช้าๆ ยาวนานเป็น เดือนเป็นหลายๆ ไตรมาส แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เลวร้ายอะไร ครั้นเวลามีแรงซื้อกลับเข้ามาก็มักดีด Celilng ได้ง่ายๆ เช่นกัน 

3.เป็นหุ้นที่ปกติสภาพคล่องต่ำแทบจะไม่มีการซื้อขาย

หุ้นประเภทนี้ ปกติช่องราคาฝั่ง Bid กับ Offer มักจะห่างกันมาก การซื้อไม่กี่ไม้ด้วยเงินเล็กน้อยก็ทำให้หุ้นบวกแรงจัดได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกันที่ซื้อได้แล้วจะขายออกยากมาก ไม่มีใครสนใจจะมารับซื้อไม้ต่อ 

ในอีกมุมหนึ่งหุ้นประเภทนี้มักไม่ได้รับการสนใจว่าพื้นฐานที่แท้จริงราคาควรอยู่ตรงไหน ครั้นเมื่อมีนักลงทุนตาดีมาเห็นเข้าและประเมินว่าคุ้มพอก็พร้อมจะไล่ซื้อรวดเดียวโดยไม่ตั้ง Bid ให้เสียเวลา การเหวี่ยงขึ้นของราคาจึงเร็วมาก

4.มีกลุ่มทุน, นักธุรกิจชื่อดัง, นักลงทุนรายใหญ่หรือเจ้าของกิจการจงใจเก็บหุ้นจำนวนมากเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

ชื่อที่มีอิทธิพลมักเป็นกลุ่มเจ้าสัวต่างๆ  ที่ระยะหลังได้ยินค่อนข้างบ่อยคือเสี่ยเจริญเบียร์ช้าง ซึ่งมีบารมีมากพอเสกให้หุ้นธรรมดากลายเป็นดาวเด่นได้ชั่วพริบตา ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ถ้ามีการทุ่มเข้าซื้อหุ้นตัวเล็กๆ ก็สามารถทำให้หุ้นขึ้นแรงได้เช่นกัน แต่ที่จะทำให้หุ้นขึ้นได้ถึง  Celilng ได้รวดเร็วที่สุดก็คือการกว้านซื้อจากเจ้าของ หรือผู้ที่จงใจจะแย่งเก็บหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของกิจการชุดใหม่ ซึ่งถ้าไม่ได้ทำการดีลกันผ่านกระดานบิ๊กล็อตแล้ว กลไกตลาดจะผลักให้หุ้นขยับสูงได้รวดเร็วเป็นพิเศษ

5.มี Market Maker จงใจสร้างราคา 

  กรณีสุดท้ายนี้ บางคนก็เรียกว่าการปั่นหุ้น ซึ่งก็แล้วแต่คำนิยาม ในยุคปัจจุบันกระบวนการสร้างราคามีความพิสดารไปกว่าอดีตเล็กน้อย ซึ่งในอดีตจะใช้การโยนหุ้นกันไปมาเพื่อให้ราคาสูงขึ้น 

ทว่าในยุคโซเชี่ยลมีเดียแค่มีการให้ข้อมูลดีๆ มีการซื้อโชว์สร้างสัญญาณเทคนิคให้สวย รายย่อยผู้เป็นสาวกก็พร้อมจะแห่ซื้อตามได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นหุ้นตัวเล็กๆ ราคาต่อหุ้นต่ำๆ ฟรีโฟลตน้อยๆ การวิ่งขึ้นก็ยิ่งง่าย ฉะนั้นหาก Market Maker สนใจหุ้นตัวไหนอยู่ละก็ วันดีคืนดี หุ้นลิ่ง อาจปรากฏให้เห็นก็เป็นได้

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : 10 เคล็ดลับเดย์เทรดหุ้นไอพีโอ

Related Posts